POLITICS

‘จุลพันธ์’ ตกใจ ไม่รู้เป็น สส.ก้าวไกล หรือ กปปส.หลัง ‘ชัยวัฒน์‘ อภิปรายเรื่อง ‘จำนำข้าว‘

‘จุลพันธ์’ ตกใจ ไม่รู้เป็น สส.ก้าวไกล หรือ กปปส. หลัง ‘ชัยวัฒน์‘ อภิปรายถึงเรื่อง ‘จำนำข้าว‘ ยันรัฐบาลสูญเสียรายได้ในกรอบที่จัดการได้ ไทยมีความน่าเชื่อถือทางการคลัง ชัยวัฒน์ ห่วงธนาคารรัฐหนี้ชนเพดาน ยันแม้ไม่ใช่ สส.ต่างจังหวัดก็เข้าใจความทุกข์เกษตรกร

วันนี้ (3 ม.ค. 67) เวลาประมาณ 17:30 น. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงในการประชุมร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2567 ระบุว่า จากที่มีสมาชิกอภิปรายถึงการประเมินรายได้ที่ผิดพลาดของรัฐบาล โดยเฉพาะการลดภาษีสรรพสามิต ซึ่งได้กล่าวว่าจะมีการสูญเสียรายได้กว่า 6 หมื่นล้านบาทนั้น ขอชี้แจงว่าตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้ได้เริ่มบริหารราชการได้เริ่มมาตรการภาษีน้ำมันดีเซลสองรอบ รอบแรกเมื่อวันที่ 20 กันยายนถึง 31 ธันวาคมปี 2566 สูญเสียรายได้ราว 15,000 ล้านบาท รอบที่สอง ถึงวันที่ 31 มกราคมนี้ สูญเสียรายได้อีกราว 2,700 ล้านบาท รวมการสูญเสียรายได้ภาษีสรรพสามิตจากมาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามิตด้านพลังงานรวมทั้งสิ้น 17,700 ล้านบาท ไม่ใช่ 60,000 ล้านบาท ดังนั้นสำหรับรัฐบาลเป็นการสูญเสียรายได้ที่อยู่ในกรอบที่สามารถบริหารจัดการเพื่อไม่ให้การจัดเก็บรายได้พลาดเป้าสามารถทำได้โดยไม่มีปัญหาใด และเป็นการสูญเสียรายได้ของรัฐที่รัฐบาลยินดีที่จะเสีย เพราะเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายค่าครองชีพของประชาชนที่เป็นผู้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการประกอบอาชีพ กระบวนการผลิต และดำรงชีวิตประจำวัน

ส่วนข้อห่วงใยเรื่องการเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะและต้นทุนการกู้เงินซึ่งประเมินว่าอาจจะสูงถึง 10% ของรายได้ในปี 2568 ขอเรียนว่า กระทรวงการคลังได้ติดตามสถานการณ์และติดตามความสามารถในการชำระหนี้อย่างใกล้ชิด โดยพิจารณา จากสัดส่วนภาระดอกเบี้ยต่อประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ เนื่องจากการกู้เงินเพิ่มขึ้นหรือปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด ย่อมส่งผลให้ดอกเบี้ยสูงขึ้นและส่งผลต่อการจัดสรรงบประมาณ แต่การคาดการณ์เมื่อสิ้นปีงบประมาณ 2567 จะมีสัดส่วนภาระดอกเบี้ยต่อประมาณการรายได้ประจำปีอยู่เพียงแค่ 8% โดยระยะปานกลางภาระดอกเบี้ยต่อประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณจะยังอยู่ในกรอบมาตรฐานสากลที่กำหนดไว้ใน 10% ดังนั้นจึงไม่อยู่ในจุดที่น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด เป็นระดับความน่าเชื่อถือ A- ถือเป็นระดับที่น่าเชื่อถือและมีความสามารถในการชำระหนี้ระดับสูงในสถานการณ์ปกติ

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ทั้งนี้รัฐบาลมีความจำเป็นในการจัดสรรงบประมาณแบบขาดดุล เพราะขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในภาวะน่าเป็นห่วง ยังไม่ฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิดอย่างสมบูรณ์ กลไกที่จะใช้รายจ่ายของภาครัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นการเติบโตของจีดีพี ยังเป็นกลไกที่มีความจำเป็นยังคงวางแผนนโยบายการคลังระยะกลางในปี 2568 ถึง 2571 ยังคงเป็นในแบบขาดดุล เพื่อเพิ่มศักยภาพในการจัดเก็บรายได้และเพิ่มศักยภาพในการชำระหนี้ให้สูงขึ้น เพราะฉะนั้นรัฐบาลได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงและลดภาระดอกเบี้ยในคราวเดียวกัน

ส่วนการใช้กลไก ม.28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังนั้น การใช้สถาบันการเงินของรัฐดำเนินการนโยบายใดโดยรัฐบาลมีภาระหน้าที่ในการชำระคืน ล้วนเป็นธนาคารที่มีจุดประสงค์ในการจัดตั้งเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ไม่ได้แสวงหากำไรเหมือนธนาคารเอกชนอื่น ซึ่งตนเองเป็น สส.ต่างจังหวัด จะเข้าใจความใกล้ชิดของธนาคารเหล่านี้กับประชาชนเป็นอย่างดี สนับสนุนทั้งเงินทุนและความรู้ในการประกอบธุรกิจ

“ส่วนที่สมาชิกอภิปราย ในภาระเก่าก่อนว่าอดีตปิดบังอนาคต ก็ขออนุญาตเรียนว่าเป็นภาระที่เกิดก่อนรัฐบาลชุดนี้จะเข้ามา ถ้าอภิปรายถึงจำนำข้าว ผมยังตกใจว่าท่านอยู่พรรคก้าวไกลหรืออยู่ กปปส.กันแน่ อย่างไรก็ตามผมเรียนด้วยความเคารพว่านโยบายเหล่านั้นต้องย้อนไปในอดีตว่า ณ วันนั้นเกิดประโยชน์กับประชาชนมากเพียงใด เช่น โครงการจำนำข้าว ทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ทำให้เกษตรกรในวันนั้นเกิดความเข้มแข็ง ยืนได้ด้วยลำแข้งตัวเอง ลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง ฉะนั้นเป็นนโยบายที่เป็นประโยชน์

วันนี้ถึงแม้จะมีภาระคงค้างมารัฐบาลชุดใดๆ ก็มีความพร้อมในการเข้าไปดำเนินการรองรับการแก้ไขปลดภาระหนี้สินเหล่านั้น ซึ่งเป็นไปตามกรอบเวลา ซึ่งมีการตกลงกันระหว่างธนาคารรัฐต่างๆ กับสำนักงบประมาณ ซึ่งภาระเหล่านี้ไม่ได้เกินเลยต่อสถาบันการเงินเหล่านั้น หรือเกินเลยต่อรัฐบาล ที่จะไม่สามารถรองรับภาระเหล่านั้นได้“

จากนั้น นายชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ขอใช้สิทธิพาดพิง โดยยืนยันว่า แม้ตนจะไม่ใช่ ส.ส.ต่างจังหวัด ทำให้ไม่เข้าใจเรื่องเกษตรกรนั้นไม่เป็นความจริง ตนเข้าใจความลำบากความเดือดร้อนของเกษตรกรที่ติดหนี้เป็นอย่างดี แต่ประเด็นที่ได้อภิปรายไปคือเพดานของภาระหนี้รัฐบาลตามมาตรา 28 ได้ชนเพดานแล้ว ทำให้ไม่สามารถนำเกษตรกรที่เดือดร้อน มียอดหนี้เกิน 300,000 บาท ที่มีจำนวนกว่า 200,000 ราย เข้าโครงการได้ เนื่องจากได้ชนเพดานวินัยการเงินการคลังไปเรียบร้อยแล้ว คือสิ่งที่ได้พูดในการอภิปราย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเป็นสส.ต่างจังหวัดหรือไม่

ส่วนอีกเรื่องที่ได้พาดพิงถึงโครงการจำนำข้าวในอดีต ตนเพียงพูดถึงข้อเท็จจริงว่า หนี้ที่รัฐบาลยังต้องใช้จากโครงการจำนำข้าวในอดีตที่เกิดขึ้น 10 กว่าปี ปัจจุบันยังใช้หนี้ไม่หมด และเหลือหนี้คงค้างเป็นจำนวนมาก ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ กปปส. หรือสิ่งใดตามที่รัฐมนตรีได้พูด

Related Posts

Send this to a friend