POLITICS

พลังประชารัฐ เตือนรัฐบาล เศรษฐกิจไทยอาจก้าวสู่จุดพลิกผัน

พลังประชารัฐ เตือนรัฐบาล เศรษฐกิจไทยอาจก้าวสู่จุดพลิกผัน ชี้ นโยบายเรือธงรัฐบาลเพื่อไทยยังไม่ตรงปก ไม่สร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจ แนะแก้หนี้ครัวเรือน-กระตุ้นขีดความสามารถแข่งขัน เร่งฟื้นเศรษฐกิจ

วันนี้ (1 พ.ย. 67) เวลา 11.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ ดร.อุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประธานร่วมศูนย์นโยบายและวิชาการพรรคพลังประชารัฐ ร่วมแถลงส่งสัญญาณเตือนรัฐบาลให้ตระหนักถึงภาวะเศรษฐกิจไทยที่กำลังเข้าสู่จุดพลิกผัน ท่ามกลางความท้าทายของเศรษฐกิจโลก ย้ำรัฐบาลต้องเร่งฟื้นคืนเศรษฐกิจ แก้หนี้อย่างจริงจัง ลดค่าใช้จ่ายพลังงาน พร้อมยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ

ดร.อุตตม กล่าวว่า เศรษฐกิจอาเซียนเติบโตและฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง เช่น เวียดนามโต 6.1% ฟิลิปปินส์ 6.0% อินโดนีเชีย 5.0% มาเลเซีย 4.9% และสิงคโปร์ 3.0% แต่ประเทศไทยยังคงฟื้นตัวช้าและโตต่ำเพียง 2.4% สอดคล้องกับโพลสำรวจ ม.หอการค้า (ก.ย. 67) พบว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่ำสุดในรอบ 18 เดือน เหลือ 48.8% สะท้อนความวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เชื่อมั่นในสถานการณ์ปัจจุบัน แม้แจกเงิน 10,000 บาท

หากเศรษฐกิจไทยยิ่งฟื้นตัวช้า การเติบโตที่ไม่เพียงพอจะทำให้ไทยเสียโอกาสทางการค้าและดึงดูดเงินลงทุน รวมทั้งพัฒนาประเทศ ล่าสุด IMF คาดปี 2571 ขนาดเศรษฐกิจเวียดนามและฟิลิปปินส์จะแซงไทย ขนาดเศรษฐกิจไทยจะหล่นเป็นอันดับ 4 ของอาเซียน เหตุเพื่อนบ้านโตสูงกว่าไทย 2 เท่าทุกปี ขณะที่ SCB EIC เตือนไทยเสี่ยงถูกลดเครดิตเรตติ้ง สะท้อนถึงความจำเป็นเร่งด่วนต้องฟื้นคืนพร้อมปฏิรูประบบเศรษฐกิจเชิงโครงสร้าง รัฐบาลมี 2 โจทย์ใหญ่ คือ

1.เร่งฟื้นเศรษฐกิจให้กลับคืนมาโดยเร็ว แก้หนี้อย่างจริงจัง โดยหนี้ครัวเรือนไทยสูงเป็นอันดับ 7 ของโลก แตะระดับ 16.32 ล้านล้านบาท หรือ 89.61% ของ GDP รัฐบาลประกาศแก้หนี้เป็นนโยบายเร่งด่วนลำดับแรก โดยรัฐบาลต้องปรับโครงสร้างให้ลูกหนี้สามารถชำระได้จริง พร้อมเพิ่มทักษะ สร้างโอกาสหารายได้ และต้องเริ่มจากฐานรากอย่างเท่าเทียม ด้วยความร่วมมือจากทุกฝ่าย

2.เร่งยกระดับขีดความสามารถของประเทศ ด้วยการเร่งลงทุนเพิ่มทักษะคนไทย สร้างความเข็มแข็งตั้งแต่เศรษฐกิจฐานรากพร้อมยกระดับศักยภาพ SME ส่งเสริมอุตสาหกรรม ยุทธศาสตร์ปฏิรูประบบภาษีอากรและงบประมาณ พร้อมสังคยานากฎหมายที่เป็นอุปสรรค เพราะการส่งออกไทยฟื้นตัวช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน ยอดส่งออกของไทย 9 เดือนแรก ขยายตัว 3.9% ส่วนเวียดนามและมาเลเซียพุ่ง 15.3% และ 8.4% ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนโดยรวมยังขยายตัวต่ำกว่าหลายประเทศในภูมิภาค

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า รัฐบาลเพื่อไทยเคยประกาศนโยบายช่วงหาเสียงไว้ว่าจะลดราคาน้ำมัน ลดค่าไฟฟ้า ลดราคาก๊าซหุงต้ม ถามว่าได้ลงมือขับเคลื่อนนโยบายตามที่ประกาศไว้หรือไม่ อีกทั้งไม่ได้กำชับให้กระทรวงพลังงานดำเนินนโยบายลดค่าครองชีพอย่างยั่งยืน หรือเป็นเพียงการอุดหนุนระยะสั้น แต่ปัญหาโครงสร้างยังมีความไม่ชัดเจน

ในการแถลงครั้งที่แล้ว ได้วิจารณ์ถึงนโยบายเติมเงินในบัตรประชารัฐ 1 หมื่นบาท ซึ่งเป็นการทำงานไม่ตรงปกกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่ได้เคยประกาศไว้เมื่อตอนหาเสียง เมื่อแจกเงิน 1 หมื่นบาท ในเดือนกันยายน ซึ่งนิด้าโพลบอกว่า คนเอาเงินไปใช้หนี้ ไปใช้จ่ายทั่วไป รวมถึงเป็นเงินเก็บ จึงทำให้พายุหมุนทางเศรษฐกิจไม่เกิด เงินไม่ถูกใช้เป็นทอด ๆ ขณะที่เฟส 2 ก็ยังไม่มีความชัดเจน สองนโยบายเรือธงของรัฐบาลเพื่อไทยที่ประกาศไว้ยังไม่ตรงปก ไม่สร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจ

นายสนธิรัตน์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลดำเนินโครงการที่เป็นภาคต่อของโครงการแจกเงิน 1 หมื่น ชื่อโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ดำเนินการโดยกระทรวงพาณิชย์ ประกาศว่าจะสามารถกระตุ้นได้มากถึง 110,000 ล้านบาท รู้สึกว่าเป็นการประเมินที่เกินจริง รัฐบาลแน่ใจหรือไม่ว่าประชาชนใช้เงินกับกิจกรรมอะไร ใช้ผ่านการจัดกิจกรรมของรัฐบาลหรือไม่ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ผ่านมาของรัฐบาลอาจไม่บรรลุเป้าหมายอย่างที่ต้องการ

Related Posts

Send this to a friend