นักวิชาการเห็นพ้อง การเมืองยื้อ พ.ร.บ.กัญชา เชื่อ ภูมิใจไทย ได้แต้มตั้งแต่วันปลดล็อก
นักวิชาการเห็นพ้อง การเมืองยื้อ พ.ร.บ.กัญชา เชื่อ ภูมิใจไทย ได้แต้มตั้งแต่วันปลดล็อก ส่วนเกมดึงเช็ง ทำให้เห็นธาตุแท้พรรคร่วม
วันนี้ (1 พ.ย. 65) ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่แน่นอนของ พ.ร.บ.กัญชา กัญชงว่าส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้ไม่มีความซับซ้อน เป็นประเด็นการเมือง ที่พรรคภูมิใจไทย ก็คงจะมองเห็นแล้วว่า ช่วงใกล้เลือกตั้ง กฎหมายมีความเสี่ยงถูกตีตก เนื่องจากใครจะยอมให้อีกพรรคมีผลงานโดดเด่นกว่า ที่ผ่านมาถึงได้รีบผลักดันนโยบาย จนเห็นความชัดเจน ซึ่งมันก็มีทั้งผลดี แล้วก็มีทั้งเสียงวิจารณ์ แต่มันก็คือรูปธรรมของนโยบาย แน่นอนว่า กฎหมายถ้ามันยื้อกันไปแบบนี้ ซึ่งคนปลูกก็ปลูก คนใช้ ก็ใช้ เท่ากับชาวบ้านรู้แล้วว่าภูมิใจไทยทำได้
ดังนั้น อนาคตของ พ.ร.บ.จะเป็นอย่างไร ภูมิใจไทย ก็ไม่ล้มเหลว เพราะทำได้จริง คิดว่าไม่กระทบกระแสพรรค แต่สิ่งที่ภูมิใจไทยจะได้เรียนรู้คือหัวใจของพรรคร่วม ได้เห็นธาตุแท้ยามยาก เพราะ ตอนอยากได้มาร่วมก็ยอมกันทุกอย่าง ให้กัญชา เป็นนโยบายรัฐบาล แต่มาวันนี้ กลับมาขัดแข้งขัดขา แบบนี้ พรรคร่วมระหองระแหงแน่
“การที่นโยบายกัญชา ถูกเตะตัด ก็แปลว่า เป็นนโยบายที่ขายได้จริง เพราะถ้าเป็นนโยบาย ที่ไม่ดี ไม่มีกระแส คนไม่สนใจ รับรองว่าไม่มีใครมาค้าน ปล่อยผ่านง่ายๆ เลย แต่นี่มันทำให้พรรคหนึ่งมีคะแนน มันก็ต้องโดน ยิ่งกับพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกภูมิใจไทยรุกไล่ภาคใต้ ก็ถือว่า มีโอกาสเอาคืนแล้ว”
ด้าน รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ และนิติศาสตร์ ให้ความเห็นว่า พ.ร.บ กัญชา ที่ผลักดันโดยพรรคภูมิใจไทยตั้งแต่เป็นนโยบายหาเสียงกับประชาชนในการเลือกตั้งที่ผ่านมาถือว่าเป็นความสำเร็จทางการเมืองที่น่าชื่นชม สร้างความเชื่อมโยงระหว่างพรรคการเมืองกับประชาชนผ่านนโยบายสาธารณะและมีผลักดันอย่างเป็นรูปธรรม
แต่วันนี้ พ.ร.บ กัญชา ถูกทำให้กลายเป็นประเด็นการเมืองเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมืองของพรรคการเมืองที่เห็นประโยชน์ของตนเองมากกว่าประโยชน์ของประชาชน พรรคการเมืองใหญ่ร่วมมือกันจับอนาคตประชาชนเป็นตัวประกันเพื่อประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าการคำนึงถึงโอกาสของประชาชน
ด้วยกลัวว่าว่าถ้า พ.ร.บ กัญชา ถูกผลักเป็น กฎหมายได้สำเร็จ พรรคภูมิใจไทย น่าได้หน้าได้คะแนนเสียงมากขึ้นในการเลือกตั้งครั้งหน้า เงื่อนไขดังกล่าวจึงเป็นเงื่อนไขที่พรรคการเมืองใหญ่ทั้งเพื่อไทย พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ ต้องร่วมมือกันสกัดไม่ให้ พ.ร.บ กัญชา ผ่านไปได้ง่ายๆ โดยอ้างเหตุผลที่เลื่อนลอยของฝ่ายการเมือง
ทั้งๆ มีข้อมูลการศึกษาทางวิชาการรองรับถึงประโยชน์ ผลได้ผลเสียที่ประชาชนจะได้รับ แน่นอนว่าการผลักดัน พ.ร.บ กัญชา นั้นคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่เปลี่ยนสถานะจากยาเสพติดย์มาเป็นพืชเศรษฐกิจทางการแพทย์ เป็นความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ของพรรคการเมืองที่ขับเคลื่อนอย่างพรรคภูมิใจไทย เป็นการสร้างประวัติศาสตร์ในระยะต้นปัญหาของการขับเคลื่อนย่อมมีปัญหาเป็นธรรมดา
แต่การที่พรรคการเมืองใหญ่ทั้งเพื่อไทย พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ พยายามคว่ำ พ.ร.บ กัญชา สะท้อนให้เห็นธาตุแท้ของพรรคการเมืองไทยและนักการเมืองไทยที่ข้ามไม่พ้นผลประโยชน์ของตนเองมากกว่าประโยชน์ของประชาชน กลัวว่าชีวิตประชาชนจะดีขึ้น มั่นคงขึ้น รวยขึ้น ฉลาดขึ้น แล้วจะทำให้พรรคตนจะหลอกประชาชนอีกไม่ได้ พรรคการเมืองจะเข้มแข็ง มั่นคง ยั่งยืน ไม่ใช่ทำให้ประชาชายากจน แต่ต้องทำให้ประชาชนมั่นคงขึ้น รวยขึ้น ฉลาดขึ้น แล่วพรรคจะยั่งยืนมีประชาชนสนับสนุน
ถ้า พ.ร.บ กัญชา ไม่ผ่านสภาจะนำไปสู่ปัญหาอย่างกว้างขวางทั้งในส่วนของประชาชนในเวลานี้ที่มีการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ หรือ การนำมาใช้ในทางเศรษฐกิจแล้ว ถ้าไม่มีกฎหมายรองรับที่ชัดเจนกัญชาอาจต้องกลับไปเป็นยาเสพติด ส่วนในทางการเมือง พ.ร.บ กัญชา จะกลายเป็นเงื่อนไขสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลหน้าอย่างแน่นอนเพราะเชื่อว่าพรรคภูมิใจไทย คงไม่ให้ใครมาหักหน้ากันง่ายๆในทางการเมืองโดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐที่เป็นพรรคแกนนำรัฐบาลและที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทย็ช่วยเหลือประคับประคองรัฐบาลนี้มาตลอดแต่เวลาที่พรรคภูมิใจไทยในฐานะเจ้าของนโยบายกัญชาต้องการผลักดัน พ.ร.บ. แต่กลับถูกหักหลังจากพรรคพลังประชารัฐอย่างที่ผ่านมา
ในการผ่าน พ.ร.บ กัญชา ที่จะเกิดขึ้นในการประชุมสภาที่จะเกิดขึ้นจะกลายเป็นเงื่อนไขการต่อรองครั้งใหญ่ทั้งในรัฐบาลนี้และการจัดตั้งรัฐบาลหน้า และอาจนำไปสู่การยุบสภาได้ถ้าพรรคภูมิใจไทยประกาศถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล จาก พรบ.กัญชา ถ้าพรรคพลังประชารัฐไม่สนับสนุน และสามารถบอกกับประชาชนได้ว่ารัฐบาลไม่จริงใจกับประชาชน พ.ร.บ กัญชา กลายเป็นดาบ 2 คม ถ้าพรรคการเมืองใหญ่เห็นแก่ประโยชน์ขอประชาชนร่วมกันผ่าน พรบ.กัญชา ถือว่าเป็นผลงานร่วมของรัฐบาล แต่แน่นอนว่าต้องให้เครดิตพรคคภูมิใจไทยในฐานะพรรคผู้ผลักดันเชิงนโยบาย แต่ถ้าพรรคการเมืองเห็นแก่ประโยชน์ตนเอง กลัวว่าพรรคภูมิใจไทยจะได้หน้าได้คะแนนเสียง และร่วมกันคว่ำ พ.ร.บ.กัญชา ดาบอีกคมหนึ่งก็จะกลับมาฟันคอพรรคการเมืองเหล่านั้นทันทีเพราะภูมิใจไทยก็จะบอกกับประชาชนได้ในเวลาหาเสียงว่าพรรคใดบ้างที่ไม่ร่วมกันคว่ำ พ.ร.บ. กัญชา เพระไม่อยากให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น และเชื่อว่า พ.ร.บ กัญชา จะเป็นเงื่อนไขการต่อรองสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลหน้าเพราะอย่างที่เคยบอกหลายครั้งว่าใครจะเป็นรัฐบาลก็ต้องเจรจากับพรรคภูมิใจไทย แต่ถ้าพรรคการเมืองใหญ่เดินเกมผิดประเมินสถานการณ์พลาด พรรคภูมิใจไทยจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและมีนายกชื่อ อนุทิน เป็นคนผลักดัน พ.ร.บ. กัญชา ในที่สุด