กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าสรุปกรณีสิบตำรวจโทหญิง สมัครขอมาช่วยราชการ แต่ผลงานไม่เป็นตามที่มอบหมาย
ไม่มีผลงาน จึงขอยกเลิกการช่วยราชการตั้งแต่ 1 ต.ค.64 – 31 ก.ค.65 พร้อมกับดำเนินการเรียกคืนเงินค่าตอบแทนพิเศษที่เบิกจ่ายไปแล้ว
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก กอ.รมน. กล่าวว่าตามที่มีสื่อนำเสนอข่าวสิบตำรวจโทหญิงทำร้ายอดีตทหารหญิง เมื่อ 18 ส.ค.65 ที่ผ่านมา โดยในรายละเอียดระบุว่า สิบตำรวจโทหญิงคนดังกล่าวเป็นข้าราชการสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ได้มาปฏิบัติหน้าที่ช่วยราชการอยู่กับ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้านั้น ทาง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จึงได้มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงต่อกรณีดังกล่าว ซึ่งผลการสอบสวนในข้อเท็จจริงมีรายละเอียดดังนี้
สิบตำรวจโทหญิง กรศศิร์ บัวแย้ม เป็นกำลังพลที่มาปฏิบัติหน้าที่ช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า สังกัด สำนักอำนวยการข่าวกรอง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ตั้งแต่ 1 ต.ค.64 ซึ่งเจ้าตัวทำเรื่องสมัครขอมาช่วยราชการกับสำนักอำนวยการข่าวกรอง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้พิจารณาแล้วว่ามีความเหมาะสม จึงได้ดำเนินการขออนุมัติบรรจุไปตามขั้นตอนงานด้านกำลังพลภายใต้ระเบียบข้อปฏิบัติของทางราชการ
สิบตำรวจโทหญิง กรศศิร์ฯ ได้รับมอบหมายภารกิจทางด้านงานข่าว เป็นผู้ประสานการปฏิบัติด้านธุรการในระดับเจ้าหน้าที่ และอำนวยความสะดวกให้กับผู้แทนหน่วยในการปฏิบัติงานนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เกี่ยวกับ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า
ต่อมาเมื่อ 18 ส.ค.65 พบว่าสิบตำรวจโทหญิง กรศศิร์ฯ ได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ในคดีอาญากอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จึงได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าถึงแม้ว่าตามข้อกล่าวหาจะเป็นความผิดส่วนบุคคล แต่พฤติกรรมตามลักษณะดังกล่าว ถือว่าขัดกับระเบียบและหลักเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้ จึงออกคำสั่งพ้นหน้าที่ฯ เมื่อ 19 ส.ค.65 และส่งตัวกลับต้นสังกัด
ล่าสุดเมื่อ 27 ส.ค.65 คณะกรรมการสอบสวน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า มีความเห็นว่า สิบตำรวจโทหญิง กรศศิร์ฯ ปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นไปตามความสามารถ และไม่มีผลงานตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมายเป็นที่ประจักษ์ จึงยกเลิกให้สิบตำรวจโทหญิง กรศศิร์ฯ ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วย สำนักอำนวยการข่าวกรอง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ตั้งแต่ 1 ต.ค.64 – 31 ก.ค.65 พร้อมกับดำเนินการเรียกคืนเงินค่าตอบแทนพิเศษที่เบิกจ่ายไปแล้ว
สำหรับผู้ปฏิบัติงานให้กับ กอ.รมน. ในปัจจุบันมีอยู่ 3 ส่วน ส่วนแรก คือ ผู้ปฏิบัติงานในอัตราประจำส่วนใหญ่ปฏิบัติงานอยู่ที่ กอ.รมน.ส่วนกลาง ได้แก่ ข้าราชการพลเรือนประจำ กอ.รมน., พนักงานราชการ กอ.รมน. และลูกจ้างชั่วคราว กอ.รมน. ส่วนที่สองคือ ผู้ปฏิบัติงานที่เป็นไปโดยตำแหน่งตามที่ระบุไว้ในกฎหมาย พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 เช่น นายกรัฐมนตรีเป็น ผอ.รมน. ผู้บัญชาการทหารบกเป็น รอง ผอ.รมน. เสนาธิการทหารบกเป็น เลขาธิการ กอ.รมน. แม่ทัพภาคเป็น ผอ.รมน.ภาค และ ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็น ผอ.รมน.จังหวัด ส่วนที่สาม คือ กำลังพลผู้ปฏิบัติงานในอัตราช่วยราชการแบบปีต่อปี ซึ่งจะเป็นกำลังพลส่วนใหญ่ ประกอบด้วย พลเรือน ตำรวจ และทหารทั้ง 3 เหล่าทัพ
ส่วนเรื่องสวัสดิการสิทธิประโยชน์สำหรับข้าราชการที่มาบรรจุในอัตราช่วยราชการที่ กอ.รมน. จะได้รับการนับวันรับราชการเป็นแบบวันทวีคูณ และสำหรับข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติราชการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะได้รับสิทธิเพิ่มขึ้นในเรื่องของ เบี้ยเลี้ยงสนาม ค่าเสี่ยงภัย และอาจได้รับเงินเพิ่มพิเศษเพื่อการสู้รบ (พสร.) กรณีถ้าอยู่ปฏิบัติงานในพื้นที่ต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน และมีการลาพักออกนอกพื้นที่ไม่เกิน 15 วัน โดยจะต้องผ่านกระบวนการพิจารณาจากคณะกรรมการกลั่นกรองตรวจสอบก่อนถึงจะได้รับสิทธิประโยชน์ในส่วนนี้
ทั้งนี้ กอ.รมน. แจ้งว่า ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมตรวจสอบ เพื่อมุ่งหาข้อเท็จจริงร่วมกับสังคมและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยพี่น้องประชาชนสามารถแจ้งเหตุเบาะแสความมั่นคงด้านต่างๆ เป็นส่วนร่วมในการพิทักษ์รักษาสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ตลอดจนสร้างความสงบสุขของประเทศชาติ ผ่านสายตรงความมั่นคง โทร.1374 หรือผ่าน Line id : @1374 ได้ฟรีตลอด 24 ชม. ซึ่ง กอ.รมน. ยืนหยัด จะมุ่งมั่นตั้งใจ ปฏิบัติงานด้านความมั่นคง เพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ “กอ.รมน. เป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส”