‘ชัยธวัช‘ ชี้ ควรส่งเสริมสถาบันการเมืองให้ยึดโยง ปชช. จะส่งผลดีกับระบอบประชาธิปไตย
‘ชัยธวัช‘ อภิปราย ข้อเสนอการส่งเสริมสถาบันการเมืองให้ยึดโยงกับประชาชน จะส่งผลดีกับระบอบประชาธิปไตย ชี้ พรรคการเมืองควรเกิดง่าย ยุบยาก
วันนี้ (1 ส.ค. 67) ที่อาคารรัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะหัวหน้าพรรค ได้ลุกขึ้นอภิปราย ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร รายงานผลการพิจารณาข้อเสนอการส่งเสริมสถาบันการเมืองให้โยงยึดกับประชาชน โดยคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง และการสื่อสารมวลชน การมีส่วนร่วมกับประชาชน
นายชัยธวัช กล่าวอภิปรายว่า ตนเองสนับสนุนรายงานผลการศึกษาเรื่องข้อเสนอในการส่งเสริมสถาบันด้านการเมืองให้ยึดโยงกับประชาชนของคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ ตนเองไม่ได้ตั้งใจอภิปรายในครั้งแรก แต่อย่างที่ทราบกันดี ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ จะมีการตัดสินคดีเกี่ยวกับการยุบพรรคก้าวไกล รายงานการศึกษาฉบับนี้ ไม่ได้ทำมาเพื่อพรรคก้าวไกล และไม่มีผลกระทบต่อชีวิตของตนเองแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องของการเมืองทุกพรรค และเป็นผลประโยชน์ต่อประชาธิปไตยของไทย
นายชัยธวัช กล่าวว่า กฎหมายพรรคการเมืองที่ใช้ในปัจจุบัน และรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน มีปัญหา แม้ว่าเจตนารมย์จะดูดี แต่ถูกออกแบบด้วยฐานคิดที่มีปัญหา เพราะมีเจตนาที่อยากให้พรรคการเมืองยึดโยงกับประชาชน ซึ่งปัญหาคือไม่สามารถบรรลุเจตนารมย์ได้ เพราะมีฐานคิดที่ต่อต้านประชาธิปไตย คือการไม่ไว้วางใจนักการเมือง หรือคนที่มาจากการเลือกตั้ง ในกฎบอกเงื่อนไขในการเป็นสมาชิกพรรค เงินบริจาคจากประชาชน ให้อยู่ในกรอบกฎเกณฑ์ที่ออกแบบ แต่สุดท้ายก็มองคนที่มาจากการเลือกตั้ง หรือพรรคการเมืองในระบบเลือกตั้ง เป็นต้นเหตุความเลวร้ายของการเมืองไทย ผลสุดท้ายจึงกลับตาลปัตร สุดท้ายทำให้พรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาด้วยอุดมการณ์เกิดได้ยากมาก
พรรคการเมืองควรเกิดง่าย และดำรงอยู่ง่าย และยุบยาก หรือควรยุบโดยประชาชนเท่านั้น แต่ปัญหา พ.ร.ป.พรรคการเมือง สะท้อนใหญ่กว่านั้น รายงานฉบับ นี้ไม่ควรเป็นจุดเริ่มต้น หรือแก้ไขกฎหมายพรรคการเมืองเท่านั้น แต่ควรเป็นจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่การออกแบบสถาบันทางการเมือง ทั้งหมดที่พยายามทำให้สังคมไทย เชื่อโดยไม่รู้ตัวว่า ปัญหาของการเมืองไทยเกิดจากพรรคการเมือง พรรคการเมือง หรืออำนาจที่มาจากการเลือกตั้ง แต่พยายามซ่อนเร้นอำนาจที่ฉ้อฉลยิ่งกว่า และไม่เคยถูกตรวจสอบ และไม่มาจากการเลือกตั้ง
“ปัญหาของสังคมไทยในปัจจุบัน คือการต่อสู้ความพยายามที่จะสถาปนาระบบการเมือง ที่ทำให้อำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งอยู่เหนืออำนาจที่มาจากการเลือกตั้ง” นายชัยธวัช กล่าว
นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า พัฒนาการเรื่องการยุบพรรคการเมืองของประเทศไทย น่ากลัวมากยิ่งขึ้น เพราะไม่ใช่แค่การทำลายสถาบันทางการเมืองของประชาชนเท่านั้น แต่เริ่มเห็นการยุบพรรคการเมือง เป็นส่วนหนึ่งของการพยายามสถาปนาระบอบอำนาจนิยม หรือเผด็จการแบบไทย ๆ ที่พยายามวางหลักกฏหมาย ระบบกฎหมาย หรือนิติรัฐแบบไทย ๆ เอาไว้ ทำให้แปลกแยกจากหลักการพื้นฐานระบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมากขึ้นทุกวัน สังเกตจากคำวินิจฉัยของศาลธรรมนูญที่ผ่านมา เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่กว่า
“เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน และมีความหมายอย่างแท้จริง ไม่ใช่มีอยู่ในตัวอักษรเท่านั้น ไม่ใช่มีอยู่ในตัวอักษร และถูกตีความบังคับใช้โดยที่ไม่มีประชาชนอยู่ในสมการ” นายชัยธวัช กล่าวทิ้งท้าย