ผู้สมัคร สว. รวมตัว บุก กกต. จี้ตรวจสอบคุณสมบัติว่าที่ สว. 200 คน
กลุ่มผู้สมัคร สว. รวมตัว บุก กกต. จี้ตรวจสอบคุณสมบัติว่าที่ สว. 200 คน พร้อมยื่นหลักฐานการทุจริตในการลงคะแนนเลือก สว. คัดค้านการประกาศรับรองจนกว่าจะมีการตรวจสอบแล้วเสร็จ หากพบฮั้วจริง กกต. ต้องประกาศเป็นโมฆะ และจัดเลือกใหม่ทันที
วันนี้ (1 ก.ค. 67) เวลา 10:00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กลุ่มผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กว่า 30 คน นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผู้สมัคร สว.กลุ่ม 2 ยื่นหลักฐานต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง กกต. เกี่ยวข้องกับการบล็อกโหวตการเลือก สว. หรือกการฮั้วการลงคะแนน
พล.ต.ท.คำรบ เปิดเผยว่า วันนี้มายื่นหนังสือต่อกกต. โดยขอให้ทำการตรวจสอบว่าที่ สว. 111 คน และยื่นคำร้องขอคัดค้านการประกาศรับรองผลผู้ที่ได้เป็น สว. รวมถึงรายชื่อสำรองด้วย เนื่องจากค้นพบความปกติในการลงคะแนนโดยเฉพาะการเลือกไขว้ซึ่งมีลักษณะการลงคะแนนเป็นชุดๆ โดยใบลงคะแนนมีหมายเลขเหมือนๆ กัน
พล.ต.ท.คำรบ ได้ยกตัวอย่าง โดยนำหลักฐานเป็นภาพถ่ายการลงคะแนนในช่วงเลือกไขว้ในสาย ง. โดยพบว่าผู้สมัครกลุ่มที่ 19 ลงคะแนนให้กลุ่มที่ 2 ที่มีการลงคะแนนให้กับหมายเลขเหมือนๆกัน จำนวน 4-5 ใบลงคะแนน และเมื่อนำไปเทียบกับโพยที่ตนเก็บได้ พบว่าเบอร์ที่เขาลงคะแนนตรงกับโพยทุกเบอร์
อีกทั้ง หลักฐานชี้ชัดได้ว่ามีการจัดตั้งกลุ่มในการลงคะแนนโดยในวันเลือกรอบไขว้กลุ่มผู้สมัครที่มีพฤติกรรมดังกล่าวจะจัดกลุ่ม กลุ่มละ 10 คน และจะเลือกคนในกลุ่ม และยังมีผู้สมัครสว.ที่ไม่ลงคะแนนในกับตัวเอง ปต่ลงคะแนนให้กับผู้ที่เป็นเป้าหมาย
พล.ต.ท.คำรบ ย้ำว่า ตนยื่นหลักฐานเพื่อขอให้กกต.ใช้อำนาจในการเปิดกล่องนับคะแนนใหม่ โดยใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อตรวจหาพิรุธการลงคะแนนเป็นกลุ่ม ซึ่งผิดปกติวิสัย ขณะนี้หลักฐานคือใบลงคะแนนที่กกต.เก็บไว้ในกล่องจำนวน 40 กล่อง ถ้าตรวจสอบโดยใช้วิธีนี้จะใช้เวลาไม่เกิน 4 ชม. ซึ่งจะทำให้ทราบว่าใครลงคะแนนให้กับใครบ้าง หากการยื่นหนังสือในวันนี้กกต.ไม่ได้ดำเนินการตามที่ร้องขอ ก็จะยื่นหนังสือให้กับหน่วยงานที่มีอำนาจทางปกครอง และบังคับให้กกต.ดำเนินการตามข้อเรียกร้อง และถ้ากกตยังดื้อดึงประกาศรับรองผลสว. จะยื่นร้องต่อศาลฎีกาศาลฎีกา และจะร้องตามมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนหน้านี้ กกต.ได้แถลงถึงโพยที่พบว่าอาจจะเป็นการทำการบ้านของผู้สมัคร ถ้าตราบใดที่ยังไม่มีหลักฐานว่าเอื้อประโยชน์ต่อกัน จะเอาผิดได้หรือไม่ พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า การให้ประโยชน์นั้นไม่จำเป็นต้องเป็นแค่เรื่องเงิน แต่ในเรื่องนี้ตนมองว่าเป็นเรื่องของสัญญาว่าจะให้ตำแหน่ง ก็ถือว่าเป็นการให้ประโยชน์ต่อกันแล้ว อยากให้กกต.ใช้ความกล้าหาญในการนับคะแนนใหม่ โดยเปิดให้ประชาชน และสื่อมวลชนได้รับทราบด้วย
ด้าน นายจักรพงษ์ คงปัญญา ผู้สมัคร สว.กลุ่ม 12 พร้อมผู้สมัครสว. อีกหลายคนที่ได้รับความเสียหายจากการเลือกสว.ยื่นหนังสือต่อ กกต. ขอคัดค้านการประกาศรายชื่อสว.ระดับประเทศ จนกว่าจะมีการตรวจสอบความถูกต้อง เนื่องจากมีประจักษ์พยานสำคัญที่อยู่ในเหตุการณ์ พบการลงคะแนนที่มีความผิดปกติ ลงคะแนนให้กันเป็นชุดๆ เลขเรียงกันหลายครั้ง ทำให้มีคะแนนสูงผิดปกติ เมื่อเทียบกับทั่วไป และบล็อคคะแนนไม่ให้บุคคลเป้าหมาย ผ่านรอบแรกได้ โดยการโจมตีปล่อยข่าวเท็จก่อนลงคะแนน ทำให้บัตรเสีย หรือมีการซื้อคะแนนแลกคะแนน
ดังนั้น การที่ กกต. ไม่ได้ทำการตรวจสอบคุณสมบัติทุกคนให้ถูกต้องครบถ้วน ก่อนการเลือกในระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ ซึ่งถ้าหากมีผู้สมัครที่ผ่านการตรวจคุณสมบัติไม่ถูกต้องครบถ้วนเข้าสู่ระบบการเลือกหลุดเข้ามาแม้แต่ 1 คน จะทำให้คะแนนในระดับอำเภอในรอบแรก มีความเบี่ยงเบน และผิดพลาดทันที โดยเฉพาะยิ่งคนที่เข้ารอบลึกในทุกระดับ ก็จะมีความผิดพลาดมาตามลำดับ และทำให้บุคคลที่คุณสมบัติไม่ถูกต้องครบถ้วนไปลงคะแนนไม่ว่าการเลือกระดับใด ก็จะเป็นคะแนนที่เสียไปด้วย การที่ กกต.จะรับรองบุคคลที่ผ่านการเลือกรอบประเทศ 200 คน ไปก่อนแล้วค่อยสอยลงที่หลัง จึงเป็นหลักการที่ไม่ถูกต้อง จึงมีข้อเรียกร้องเสนอให้กกต.ดำเนินการดังนี้
1.หยุดการประกาศชื่อรับรอง 200 รายชื่อว่าที่ สว. เอาไว้ก่อนจนกว่าจะมีการตรวจสอบความถูกต้องของคะแนนทุกคะแนน ว่าการเลือก สว.ครั้งนี้ ได้มีการเอาเปรียบผู้สมัครอื่นด้วยการจัดตั้งให้ไปลงคะแนนให้กัน (การฮั้วผลการเลือก) เป็นจำนวนมากที่เป็นการเอาเปรียบกันจริงหรือไม่
2.หากพบว่าผลการตรวจสอบตาม ข้อ 1 มีมูลหรือมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า มีการฮั้วลงคะแนนให้กัน ขอให้ กกต. ประกาศให้ผลการเลือกครั้งนี้เป็น โมฆะ และสั่งให้มีการจัดเลือกใหม่ทันที
3.ก่อนการเลือกใหม่ให้ กกต.ตรวจสอบ คุณสมบัติผู้สมัครใหม่ทั้งหมดที่เข้าสู่สนามการเลือกใหม่ เพื่อป้องกันผู้สมัครที่ไม่มีคุณสมบัติจริงตามกฎหมาย ในแต่ละกลุ่มทั้ง 20 กลุ่ม โดยผู้เชี่ยวชาญร่วมกับ กกต. และเปิดเผยกระบวนการตรวจสอบ ต่อสาธารณะและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย
4.วันเลือกใหม่ กกต. จะต้องเข้มงวดไม่ให้ผู้สมัครใดนำเอกสารหรือโพย ด้วยการจดหรือเขียนตัวเลขใดๆ ในเสื้อผ้าหรือร่างกาย รวมทั้งเครื่องมือสื่อสารใดๆ เข้าสู่สถานที่เลือกโดยเด็ดขาด
5.ให้ กกต.จัดพิมพ์เอกสารแนะนำตัว (สว. 3) แจกให้ผู้สมัครใหม่ โดยแจกให้ก่อนเข้าช่องรอการลงคะแนน และให้เวลาผู้สมัครอ่าน อย่างน้อย 1 ชั่วโมง ก่อนถึงเวลาลงคะแนน
6.กกต.ในฐานะผู้รับผิดชอบมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการบริหารจัดการเลือกตั้ง สว.ครั้งนี้ ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายต้องยอมรับหาก กกต. ได้ดำเนินการตามข้อเรียกร้องข้อ 1-5 แล้วผลคะแนนเลือกออกมาเช่นไรทุกฝ่าย ต้องยอมรับ และถือเป็นการสิ้นสุดการลงคะแนนเพื่อให้ได้มาซึ่ง สว. 200 คนเข้ามาทำหน้าที่แทนปวงชนชาวไทยเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้
ส่วนกรณีถ้าพบผู้สมัครสว.คุณสมบัติไม่ครบตามที่กฎหมายกำหนดจะทำอย่างไร นายจักรพงษ์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 107 ระบุชัดเจนว่า กกต.ต้องทบทวน บริหารจัดการปัญหา หรือยกเลิกแล้วจัดตั้งใหม่ แต่ถ้า กกต.ประกาศรับรองแล้วไปสอบที่หลังจะสร้างปัญหามาก เพราะผู้สมัครบางคนไม่ถือว่าบริสุทธิ์ยุติธรรมกับคนอื่น พร้อมยอมรับถ้ามีปัญหาเรื่องงบประมาณในการจัดเลือกใหม่ ก็ให้จัดในระบบเลือกประเทศไปก่อนให้ได้ สว. 200 คนก่อน และค่อยปัญหาอุดช่องว่างหรือรูโหว่ หรือรอครบเทอมแล้วเลือกใหม่ แต่ก็เป็นไปตามเงื่อนไข 6 ข้อที่ได้เรียกร้อง