โฆษกรัฐบาล เผย ทุกภาคส่วนมอบความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ผู้ประสบภัยพายุไซโคลนในเมียนมา
วันนี้ (1 มิ.ย. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประเทศไทยมอบความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ชาวเมียนมาที่ประสบภัยพายุไซโคลนโมคา (Mocha) โดยวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีส่งมอบความช่วยเหลือแก่เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาประจำประเทศไทย
ต่อมาในวันที่ 23 พ.ค. 66 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานสิ่งของแก่ประชาชนเมียนมา เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์ โดยสิ่งของพระราชทานประกอบด้วย เต็นท์นอน ผ้าห่มนาโน ผ้าขนหนู ชุดยาสามัญประจำบ้าน อาหารแห้ง และสิ่งของอื่น ๆ โดยมีเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง เป็นผู้เชิญสิ่งของบรรเทาทุกข์พระราชทานส่งมอบให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเมียนมา รัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาสังคมภาคย่างกุ้ง และผู้แทนอื่น ๆ ณ ท่าอากาศยาน Mingaladon กรุงย่างกุ้ง และ วันที่ 31 พ.ค. 66 ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง สมาคมนักธุรกิจไทยในเมียนมา และผู้แทนชุมชนไทยในเมียนมา มอบความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยผ่านสภากาชาดเมียนมา
ทั้งนี้จากรายงานของกระทรวงการต่างประเทศเมียนมา คาดว่ามีผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติพายุไซโคลนโมคากว่า 148 ราย บาดเจ็บ 132 ราย และมีบ้านเรือนเสียหายกว่า 2 แสนหลังคา (ข้อมูล ณ วันที่ 29 พ.ค. 66 เวลา 18.00 น.) ในขณะที่องค์การสหประชาชาติคาดว่ามีประชาชนกว่า 1.6 ล้านคน ที่ได้รับผลกระทบจากไซโคลนโมคาในเมียนมา
นายอนุชา กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศไทย โดยกระทรวงต่างประเทศ ร่วมกับหน่วยงานที่ให้การสนับสนุน ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน มอบสิ่งของบรรเทาทุกข์เพิ่มเติมแก่ผู้ประสบภัยชาวเมียนมา โดยสมาคมไทย-พม่าเพื่อมิตรภาพ ให้การสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการขนส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ในครั้งนี้
“นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลไทยยินดีที่ได้สนับสนุนความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนเมียนมา โดยภัยพิบัติพายุไซโคลนโมคาส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อชีวิตและสิ่งปลูกสร้างในเมียนมา และต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู ซึ่งนายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกภาคส่วนของไทย ทั้งในประเทศและที่อยู่ต่างประเทศที่สนับสนุนและให้ความช่วยเหลือมิตรประเทศด้วยมิตรไมตรีในยามที่รับความเดือดร้อน” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว