‘แรมโบ้’ ยันนายกฯ และรัฐบาลดูแลแรงงานไทย พัฒนาฝีมือแรงงาน พร้อมเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจ-สังคมดิจิทัล
วันนี้ (1 พ.ค. 64) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงกรณีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กเนื่องในวันแรงงาน พร้อมข้อเสนอในการพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยนายเสกสกลระบุว่าข้อแนะนำที่นางสาวยิ่งลักษณ์มีข้อเสนอเข้ามานั้น ที่ผ่านมานายกฯและรัฐบาลตลอดจนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ให้ความสำคัญกับแรงงานทั้งในระบบและนอกระบบ มีมาตรการต่างๆออกมาช่วยเหลือ และสนับสนุนในด้านต่างๆ และเร่งพัฒนาทักษะแรงงานให้พร้อมเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล
ส่วนภาคการเกษตร นอกจากการให้ความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ รัฐบาลยังสนับสนุนให้มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการเกษตร ผสมผสานกับการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น พร้อมทั้งน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทาง รวมถึงยังมีนโยบายอื่นๆอีกมากมายเพื่อช่วยส่งเสริมอาชีพสร้างรายได้ให้เกษตรกรมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
“ข้อมูลที่นางสาวยิ่งลักษณ์ เสนอมาเพื่อให้พัฒนาฝีมือแรงงานของไทยนั้น ตนยืนยันว่าการพัฒนาฝีมือแรงงานรัฐบาลได้ทำมาอย่างต่อเนื่องโดยตลอด และยังได้หามาตรการต่างๆออกมาให้กับผู้ใช้แรงงานทั้งในระบบและนอกระบบ ซึ่งแม้ว่าจะค่อยๆเดินหน้าอาจไม่เท่าทันกับประเทศใหญ่ๆ บางประเทศที่นางสาวยิ่งลักษณ์เคยไปเที่ยวไปช้อปปิ้งมานั้น แต่นายกฯและรัฐบาล มีความจริงใจ มุ่งมั่น และได้ให้ความสำคัญที่จะดำเนินการให้กับผู้ใช้แรงงานในการพัฒนาฝีมือให้มีทักษะแข่งขันกับชาวโลกได้อย่างแน่นอน และให้มีการการดูแลคุ้มครองสวัสดิการแรงงานทุกๆ เรื่องรวมถึงการออกกฎหมายที่รักษาสิทธิประโยชน์ต่อผู้ใช้แรงงานมากมายหลายฉบับ รวมถึงดูแลภาคการเกษตรของไทยโดยการส่งเสริมอาชีพให้เกษตรกรมีความมั่นคงในอาชีพมีรายได้ต่อครัวเรือนสูงเพิ่มขึ้นจนเป็นที่พอใจของเกษตรกรส่วนใหญ่”
“ตนสงสัยไม่ทราบว่า ทำไมนางสาวยิ่งลักษณ์ มีเจตนาแอบแฝงการเมืองอะไรหรือไม่ จึงมักจะออกมาชี้นำอยู่เรื่อยๆ หรือกลัวจะถูกคนไทยลืมหรือเปล่า ทำไมในสมัยที่เป็นนายกฯ ไม่คิดแก้ไขช่วยแรงงานไทยและเกษตรกรไทยมีความอยู่ดีกินดีมีรายได้สูงมีสวัสดิการที่ดี เหมือนที่แนะนำมาตอนนี้บ้าง หรือมัวแต่คิดถึงแต่เรื่องผลประโยชน์ส่วนตัว จนเกษตรกรชาวนาต้องติดหนี้สินล้นพ้นตัว หวังว่านางสาวยิ่งลักษณ์คงไม่ลืมชาวนาไทยที่เคยทุกข์ยากลำบากเพราะมีใครบางคนที่เคยทำอะไรไว้กับพวกเขาเหล่านั้น จนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว บางรายถึงกับฆ่าตัวตาย ครอบครัวชาวนาเหล่านั้นคงไม่มีวันลืมชั่วชีวิต”