บัญญัติ รับ ครั้งนี้ วิกฤตหนักสุด มีคนเจตนาทำลายพรรค แต่มั่นใจ ประชาธิปัตย์ได้ ส.ส. เพิ่ม
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ประธานกรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ประกาศเทียบเชิญอดีต 3 หัวหน้าพรรคมาร่วมสู้ศึกเลือกตั้งว่า ได้คุยรายละเอียดคร่าวๆ แล้ว แต่มองว่าเป็นปกติประเพณีของพรรค ว่าทุกครั้งที่มีการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งคนทุกรุ่นจะมาช่วยกัน ข้อบังคับพรรคเองก็เขียนไว้ชัดเจนว่าสมาชิกมีหน้าที่สนับสนุนส่งเสริมผู้สมัครรับเลือกตั้ง พร้อมคิดว่านายจุรินทร์ตั้งใจประกาศความเป็นสถาบันทางการเมืองที่ สืบทอดอุดมการณ์ทางการเมืองมาเป็นทอดๆ และให้คนทั้งประเทศรู้ว่าประชาธิปัตย์ เป็นตัวแทนคนทุกรุ่น
เมื่อถามว่าที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์เลือดเก่าไหลออกไปมาก แต่เลือดใหม่ที่ไหลเข้ามาจะเพียงพอที่จะรักษาความเป็นสถาบันของพรรคให้แข็งแกร่ง ได้หรือไม่ นายบัญญัติ ยอมรับว่า วิกฤตครั้งนี้แรงกว่าทุกครั้ง แม้เรื่องเลือดไหลออก ไม่ใช่เรื่องใหม่ของประชาธิปัตย์ เชื่อว่าอีก 1-2 สัปดาห์ทุกอย่างก็จะจบ
นายบัญญัติยังมั่นใจว่าเสียงตอบรับพรรคประชาธิปัตย์ของคนใต้ ดีขึ้น โดยการเลือกตั้งครั้งที่แล้วที่พรรคเสียที่นั่งไปมากเพราะสถานการณ์พิเศษ คนกลัวระบอบทักษิณ มาก เมื่อแกนนำพรรคลงพื้นที่หาเสียง ชาวบ้านพูดกับเราตรงๆ ว่าขอเลือกทหารเพื่อไปปราบระบอบทักษิณ
นายบัญญัติมั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์จะได้ที่นั่ง ส.ส. มากกว่าเดิม ทั้ง กทม. และภาคใต้ ส่วนผลสำรวจความเห็นของคนในภาคใต้ที่นายจุรินทร์ไม่ได้ติดอันดับต้นๆ นั้น นายบัญญัติ กล่าวว่า ต้องยอมรับความจริงว่าในด้านการตลาดเราเป็นรอง การที่เราเจียมเนื้อเจียมตัวไม่ประกาศตั้งแต่ต้นว่าหัวหน้าพรรคเราพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี ปัจจัยนี้เป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในเวลาที่โพลเขาถามว่าใครเหมาะจะเป็นนายกรัฐมนตรี และจนถึงตอนนี้เราไม่ได้พยายามถึงขนาดทะเยอทะยานจะเป็นนายกฯ ให้ได้ แต่พยายามเปรียบเทียบให้ชาวบ้านได้เห็นว่าคุณสมบัติของคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีต้องมีคุณสมบัติประกอบด้วยอะไรบ้าง เพื่อให้ชาวบ้านเห็นว่าระหว่างคนของเรากับคนหลายพรรค ที่ บางคนอาจไม่อยู่ในวิสัยที่เป็นนายกรัฐมนตรีได้
เมื่อเปรียบเทียบแล้วทำให้เรามั่นใจว่านายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ไม่น่าจะเสียเปรียบใครอะไรเลย น่าจะมีคุณสมบัติโดดเด่นกว่าใครด้วย และมั่นใจว่านายจุรินทร์จะนำพาประชาธิปัตย์กลับมาสู่ยุคเฟื่องฟูได้
ที่ผ่านมา นายจุรินทร์ ทำงานหนัก และประสบความสำเร็จ แต่นายจุรินทร์มีข้อเสียคือการคร่ำเคร่งกับงานมากเกินไปไม่มีเวลาทำให้คนเห็นภาวะความเป็นจริงมากนัก และจากพฤติกรรมก้มหน้าก้มตาทำงานไม่สุงสิงกับใครก็เกิดมุกใหม่ ว่านายจุรินทร์เป็นคนที่มีไม่ค่อยเสน่ห์
นายบัญญัติ ยังยอมรับเสียงวิจารณ์ที่ว่านายจุรินทร์ไม่สามารถดึงคนในพรรคไว้ได้ซึ่งอาจเป็นเพราะความเคร่งเครียด ของนักการเมืองที่มุ่งมั่นทำงานให้ประสบความ สำเร็จไม่ใช่เรื่องที่น่ารังเกียจ แต่น่าชื่นชมและช่วงหลังนี้เข้าใจมากขึ้นความร่วมมือในพรรคก็มีมากขึ้น