พรรคชาติไทยพัฒนา ชูนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม ชี้ ที่ผ่านมาคนไทยเสียประโยชน์ไปมหาศาล
วันนี้ (1 มี.ค. 66) เวลา 13:30 น. ที่ห้องราชดำริ โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพมหานคร พรรคชาติไทยพัฒนา นำเสนอนโยบาย WOW THAILAND ในหัวข้อ ‘จากสิ่งแวดล้อมไทย สู่สิ่งแวดล้อมโลก: ความมั่งคั่ง โอกาส และคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคน’
นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ต้องการเห็นประเทศไทยเป็น ศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนซื้อขายคาร์บอนเครดิตแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมองว่าประเด็นคาร์บอนเครดิตกำลังได้รับความสนใจจากทุกประเทศทั่วโลก
ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า คาร์บอนเครดิตเป็นเรื่องใหม่ หากไม่ดำเนินการในเรื่องนี้ก็จะสร้างความเสียหาย เพราะมีการกีดกันทางการค้าเกิดขึ้น แต่หากทำได้ดีก็จะเป็นประโยชน์กับคนไทย เนื่องจากในปี 2562 ประเทศไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจก 372 ล้านตัน แต่มีการตรึงคาร์บอนสุทธิเพียง 92 ล้านตัน จึงปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิมากถึง 281 ล้านตัน โดยประมาณ หากไม่ดำเนินการใด ๆ ประชาชนก็จะต้องเสียเงินให้กับเรื่องนี้ โดยเฉพาะเกษตรกร ที่ผลผลิตทางการเกษตรจะถูกลดมูลค่าลงอันเนื่องมาจากคาร์บอนเครดิตที่เป็นต้นทุน
ศ.ดร.กนก กล่าวถึงการเลือกวิธีคำนวณและระดับความถูกต้อง (Tiers) ของปริมาณคาร์บอน ซึ่งประกอบด้วย 3 Tiers โดยปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในระดับ Tier 1 ซึ่งเป็นการวัดภาคสนามที่ให้ผลการวัดที่ไม่แม่นยำสักเท่าไร จะได้เพียงตัวเลขหยาบ ๆ ออกมาเท่านั้น หากนำไปขายก็จะขาดความน่าเชื่อถือ ทำให้ขายได้ในราคาถูก ในขณะที่ประเทศอื่นอยู่ในระดับ Tier 3 ซึ่งมีความเที่ยงตรงสูง ได้รับความน่าเชื่อถือ เนื่องจากเป็นการประเมินการกักเก็บคาร์บอนด้วยข้อมูลภูมิสารสนเทศและข้อมูลดาวเทียมประมวลผลร่วมกับการตรวจวัดภาคพื้นดิน ด้วยสิ่งที่เรียกว่า Flux Tower แล้วคำนวณด้วยโมเดลทางคณิตศาสตร์และระบบ AI
ศ.ดร.กนก กล่าวเพิ่มเติมว่า หากประเทศไทยสามารถตรวจวัดคาร์บอนให้ได้มาตรฐานในระดับ Tier 3 จะเป็นประโยชน์ในด้านการบริหารจัดการไฟป่าด้วย โดยระบบ AI สามารถสร้างแบบจำลองจุดที่เกิดไฟป่าซ้ำซาก ทำให้กำหนดมาตรการป้องกันการเกิดไฟป่าได้ เมื่อไฟป่าลดลง ปริมาณการปล่อยคาร์บอนก็ลดลง เมื่อประชาชนนำคาร์บอนเครดิตไปขายก็จะได้เงินมากขึ้น ส่งผลให้ประชาชนหวงแหนป่ามากขึ้นชาวนาชาวไร่ก็ไม่ต้องเผาฟางข้าว ฝุ่น PM 2.5 ก็ลดลงด้วย
ผศ.ดร.สันติ กีระนันทน์ กรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงคาร์บอนเครดิตว่า ประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพราะทุกคนได้รับผลกระทบ ไม่มีใครอยากใช้ชีวิตท่ามกลางมลพิษอย่างที่เป็นทุกวันนี้ ซึ่ง คาร์บอนเครดิตจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ โดยคาร์บอนเครดิตที่จับต้องไม่ได้ ให้เป็นสิ่งที่จับต้องได้ โดยทำให้อยู่ในรูป ‘Token’ ซึ่งทุกคนเป็นเจ้าของ Token ด้วยระบบ Wallet คล้ายบัญชีเงินเก็บในธนาคาร และต้องมีการกลไกการซื้อขายที่เป็นศูนย์กลางเพื่อความรวดเร็วในการซื้อขาย โดยจะใช้ระบบเทคโนโลยี Blockchain ไปช่วยเก็บข้อมูลได้อย่างแม่นยำ
นายวราวุธ กล่าวว่า ที่ผ่านมาคนไทยเสียประโยชน์ไปมหาศาลจากการเผาผลผลิตที่เหลือจากการทำเกษตรกรรม หากไม่เผาก็จะได้คาร์บอนเครดิตเพิ่มขึ้น และยังสามารถนำผลผลิตที่เหลือนั้นไปแปลงสภาพเป็นถ่านชีวภาพ (Biochar) ซึ่งช่วยปรับปรุงดินและผลผลิตทางการเกษตรได้
นายวราวุธ กล่าวว่า ทุกภาคส่วนจะได้รับผลประโยชน์จากนโยบายดังกล่าว โดย
1.ภาคประชาชน จะมีรายได้เสริมจากการขายคาร์บอนเครดิต มีความเป็นอยู่ที่ดี จากสภาพอากาศที่ดี และดินที่อุดมสมบูรณ์
2.ภาคการเกษตร จะเป็นการทำเกษตรที่มีคุณภาพ ยั่งยืน เพิ่มมูลค่าผลผลิต
3.ภาคธุรกิจ จะทำให้สินค้าและบริการของไทยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นที่ต้องการของโลก
4.ภาครัฐและประเทศ จะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศหลักของโลกด้านสิ่งแวดล้อม สร้างความน่าเชื่อถือสู่สากล เป็นหมุดหมายการเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมโลก และการท่องเที่ยว