ซึ่งการที่ พล.อ.ประยุทธ์ และพวกพ้อง ไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นรัฐบาลมาแล้วเกือบ 6 ปีนั้น ถือเป็นเรื่องตลกปนเศร้า เพราะเป็นที่รับรู้กันว่า บุคลากรในเครือข่ายของ คสช. ได้เป็นรัฐบาลตั้งแต่หลังการรัฐประหาร และแม้จะมีการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 แต่ก็เป็นเพียงการเลือกตั้งตามแผนการสืบทอดอำนาจเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นเกือบทุกคนก็ยังอยู่ในตำแหน่งเดิม หรือบางคนก็แค่สลับสับเปลี่ยนเก้าอี้เท่านั้น
ที่ผ่านมา หลังจากเป็นนายกฯ จากการยึดอำนาจ เวลา พล.อ.ประยุทธ์ แก้ปัญหาอะไรไม่ได้ ก็มักจะโทษรัฐบาลก่อนหน้าเสมอว่าเป็นต้นเหตุ แต่พอมาเป็นนายกฯ จากการสืบทอดอำนาจแล้ว เวลาแก้อะไรไม่ได้ กลับไม่ยอมโทษรัฐบาลตัวเองที่ทำงานมาแล้วเกือบ 5 ปี กลับข้ามไปโทษรัฐบาลยุคก่อนหน้านั้นเข้าไปอีก จึงถือเป็นเรื่องตลกปนเศร้าในทางการเมือง
น.อ.อนุดิษฐ์เชื่อว่า ยิ่งใกล้วันอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ และพวกพ้อง ก็ยิ่งออกอาการให้เห็น เนื่องจากตลอด 5 ปีที่ผ่านมา บุคคลเหล่านี้แทบจะไม่เคยถูกตรวจสอบจากทั้งในสภาและองค์กรอิสระ เพราะผู้มีหน้าที่ตรวจสอบทั้งหลายล้วนแล้วแต่ได้รับการแต่งตั้งมาจาก คสช. จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่าทำหน้าที่ของตัวเองแค่พอเป็นพิธีเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ผู้นำรัฐบาลจะออกอาการหวาดหวั่น เพราะคงรู้ดีว่าได้หมกซ่อนเรื่องอะไรไว้บ้าง
“การอภิปรายครั้งนี้ ฝ่ายค้านจะตีแผ่ให้สังคมได้เห็นความมืดดำที่ซ่อนอยู่ภายใต้ระบบที่ไร้การตรวจสอบมาตลอด 5 ปี โดยเฉพาะปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นที่เกิดขึ้นราวดอกเห็ด รวมทั้งการขาดความสามารถในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ หากเรายังต้องยอมจำนนให้ พล.อ.ประยุทธ์ และพวก อยู่บริหารประเทศต่อไป ก็มีโอกาสสูงที่เศรษฐกิจจะหลับไม่ตื่นฟื้นไม่มีในยุคที่มีผู้นำมาจากรัฐธรรมนูญที่พิกลพิการเช่นนี้” น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวทิ้งท้าย