นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ออกมาเปิดเผยว่ามีการลงคะแนน หรือเสียบบัตรเเทนกันของนายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย ว่ากรณีดังกล่าวนี้เป็นเรื่องของสภาฯ จึงต้องให้สภาฯ ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งจะมีความผิดหรือไม่นั้นต้องดูว่ามีการใช้สิทธิของการเสียบบัตรโหวตลงคะแนนถูกต้องหรือไม่ และจะส่งผลกระทบต่อร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ทำให้โมฆะหรือไม่ ซึ่งตนมองว่าการกระทำผิดในเรื่องการเสียบบัตรแทนกันเป็นเรื่องที่สภาฯ ต้องตรวจสอบ เพราะที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุการณ์คล้ายกับกรณีดังกล่าว ที่เคยส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ในปี 2556 และ 2557 ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้มีการกระทำเสียบบัตรแทนกัน แต่รายละเอียดของทั้งสองไม่เหมือนกัน ต่างกันในข้อกล่าวหาอื่นๆ
นายวิษณุ ยังกล่าวอีกด้วยว่า หากมีข้อสงสัย ก็ต้องส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ โดยให้ส.ส. รวบรวมรายชื่อ ส่งเรื่องให้ประธานสภาฯ เพื่อส่งต่อศาลรัฐธรรมนญให้วินิจฉัย ส่วนการที่กฏหมายจะมีความเป็นโมฆะหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับมติในการลงคะแนนว่าถูกต้องหรือไม่ แต่ในเรื่อง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 จะต้องดำเนินการตามมาตรา 143 ของรัฐธรรมนูญ ต้องมีการพิจารณาให้เสร็จภายใน 105 วัน แต่หากการพิจารณาไม่เสร็จ ให้ถือว่าแล้วเสร็จ รวมถึงการที่สมาชิกวุฒิสมาชิกได้พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ก็ต้องทำให้ถูกค้องตามกฏหมาย ภายใน 20 วัน
ทั้งนี้ นายวิษณุ กล่าวว่าตนเองไม่สามารถบอกได้ ว่าผลจะเป็นอย่างไร ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่ยอมรับว่าส่งผลกระทบ เมื่อรับเรื่องไปจะทำให้การใช้งบประมาณ ปี 2563 เกิดความล่าช้า แต่ไม่ถึงขั้นวิบัติ แต่ช้าแน่ๆ แต่จะไม่ส่งผลกระทบงบที่ต้องใช้เป็นประจำ เช่น เงินเดือน เนื่องจากรัฐธรรมนูญระบุไว้ให้ใช้งบเก่าไปพลางๆ ก่อน ซึ่งงบลงทุน เช่นโครงการทำถนน รัฐบาลจะไม่แตะต้อง เรื่องนี้สำนักงบประมาณได้เตรียมการไว้แล้ว รอจนกว่าจะวินิจฉัยเสร็จ