น.ส.วทันยา กล่าวเพิ่มเติมถึงการแก้ปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาวนั้นได้แบ่งแนวทางโดยในระยะเร่งด่วนจะมีการเฝ้าระวังและกำหนดมาตรการในพื้นที่ๆยังไม่วิกฤตและในพื้นที่ๆมีภาวะวิกฤตโดยต้องรายงานตรงไปยังนายกรัฐมนตรีรวมทั้งวางแผนควบคุมการใช้ปริมาณน้ำการขุดเจาะบ่อบาดาล ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการดำเนินการไปแล้วเบื้องต้น
ส่วนแผนระยะยาวนั้นรัฐบาลได้กำหนดแผนแม่บทให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งส่วนตัวมองว่ารัฐบาลได้มีการจัดตั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สนทช.) ที่จะเป็นการรวบรวมหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำซึ่งจะเป็นการทำงานแบบบูรณาการและขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรีในการดูการแก้ปัญหาในภาพรวม
น.ส.วทันยา ระบุว่าจากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องเกษตรกรได้สะท้อนปัญหาเรื่องน้ำว่าเป็นปัญหาหลักของประชาชนในพื้นที่ พรรคพลังประชารัฐได้มีการเน้นย้ำ ส.ส. ในพื้นที่เชื่อมโยงปัญหาความเดือดร้อนจากประชาชนเพื่อประสานไปยังรัฐบาลและนำข้อมูลจากรัฐบาลส่งไปยังประชาชนเพื่อให้นโยบายต่างๆมีการขับเคลื่อน สิ่งสำคัญคือการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานต่างๆ เพื่อร่วมกันในการแก้ปัญหาและเป็นเอกภาพ ซึ่งรัฐบาลเองก็ได้มีการทำงานอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
วันนี้หน้าที่ของ ส.ส.ทุกคนต้องทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ รับเรื่องราวร้องทุกข์ส่งต่อไปยังรัฐบาลโดยผ่านกระบวนการของรัฐสภา ทั้งการตั้งกระทู้ถามหรือการปรึกษาหารือในประเด็นความเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมกันแก้ปัญหาประชาชน วันนี้เรื่องน้ำไม่ได้เป็นปัญหาแค่ประเทศไทยแต่เป็นปัญหาทั่วโลก