นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวพร้อม 55 ส.ส.อดีตอนาคตใหม่ ยืนยันว่า แม้กระบวนการไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีจะไม่ครบทุกคน แต่ต้องขอบคุณประชาชนที่ส่งข้อความให้กำลังใจและขอให้กลับไปลงมติในสภาฯ วันนี้ทุกคนจึงตั้งใจที่จะมาโหวต โดยคิดว่าที่ผ่านมาทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ได้คิดว่าจะโหวตสวนมติฝ่ายค้าน ถึงแม้เป็นเสียงข้างน้อย ส่วนผลลัพธ์ของการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ระยะสั้นน่าจะส่งผลต่อการปรับ ครม. ระยะกลาง ปัญหาของบ้านเมืองถูกส่งต่อให้ประชาชนจนเกิดสถานการณ์ป่าล้อมเมืองนอกสภา จากการที่มีกลุ่มคนรุ่นใหม่ และประชาชน ตื่นรู้ปัญหาของประชาชนมากขึ้น
นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่ออดีตพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจมีข้อสังเกตหลายประเด็น เช่น ใน5 ชั่วโมงสุดท้ายของวันที่ 27 ก.พ. ถ้ารัฐบาลแบ่งเวลาให้ฝ่ายค้านอภิปรายโดยไม่ยึดกติกาที่จัดสรรไว้อย่างเดียว บรรยากาศจะดีกว่านี้ แต่เมื่อรัฐบาลเลือกแบบนี้ทำให้เสียงข้างมากกุมสภาจนฝ่ายไม่สามารถสรุปการอภิปรายได้
ประเด็นต่อมา ส.ส.ที่ทำหน้าที่อภิปรายถูกข่มขู่ รวมทั้งกรณีของ น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ที่ใช้สิทธิ์ของประชาชน อภิปรายนอกสภาเรื่อง 1MDB แต่กลับถูกรัฐข่มขู่
นายคารม ยังกล่าว ขอบคุณ ส.ส. 55 คน ที่ยังอยู่ร่วมเดินไปข้างหน้าพร้อมกันกับประชาชน ส่วนส.ส.ที่ย้ายไปสังกัดพรรคอื่น ตนเองไม่ขอตอบ ว่ามีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องหรือไม่เพราะ มีมารยาทพอไม่อยากให้ใครเรียกว่า กุ๊ย
ขอให้สังคมตั้งคำถามเอง ส่วนกรณี น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่มีการติดต่อจากรัฐบาล แต่ปฏิเสธไม่เข้าไปสังกัดพรรคด้วย กลับถูกข่มขู่ ซึ่งน.ส.เบญจา ได้ไปแจ้งความแล้ว ตนเองเห็นว่าเป็นการกระทำไม่เหมาะสม เรื่องเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับสภาผู้แทนราษฎร
โดยมีรายงานว่า ส.ส.1 คนของ อดีคพรรคอนาคตใหม่ ที่ย้ายพรรคนอกจาก 9 คนที่ไปพรรคภูมิใจไทย พบว่า มีนาย สมัคร ป้องวงษ์ ส.ส.สมุทรสาคร จะย้ายไปพรรคชาติพัฒนา