พล.อ.ประยุทธ์ ลั่น “ไม่ได้อยากอยู่ต่อ แต่ประเทศไทยต้องไปต่อ”
พล.อ.ประยุทธ์ ลั่น “ไม่ได้อยากอยู่ต่อ แต่ประเทศไทยต้องไปต่อ” ยอมรับตื่นเต้นกับการสังกัดพรรคการเมือง ปลื้มคนเชียร์แน่น เปรย “ถ้ารู้ว่าดีแบบนี้ก็มาตั้งนานแล้ว”
วันนี้ (9 ม.ค. 65) ที่ Exhibition Hall 1 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พรรครวมไทยสร้างชาติ จัดงาน “รวมใจรวมไทยสร้างชาติ” เปิดตัวพรรครวมไทยสร้างชาติเข้าสู่สนามเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ นำโดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค,นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค และผู้บริหารพรรค สมาชิกพรรคที่เดินทางมาจากทั่วประเทศร่วมแสดงความยินดีคับคั่ง บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยเฉพาะในช่วงไฮไลท์สำคัญ การสมัครเป็นสมาชิกพรรคและกล่าวปราศรัยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งถือเป็นการประกาศเป็นนักการเมืองอย่างเป็นทางการครั้งแรกของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตผู้บัญชาการทหารบก ที่เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหารเมื่อปี 2557 เป็นนายกรัฐมนตรีมาร่วม 2 สมัย ในปี 2562 ได้รับความไว้วางใจจากพรรคพลังประชารัฐให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีโดยไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค จนในครั้งนี้มาประกาศเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ
พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นกล่าวบนเวทีเปิดตัวว่า ตนขอขอบคุณทุกคนด้วยใจจริง เพราะเดินเข้ามาท่ามกลางหัวใจดวงเดียวกัน ทุกคนคือคนไทยหัวใจเดียวกัน ทั้งคนที่นี่และคนอยู่ทางบ้าน ทุกกลุ่มทุกฝ่าย ขอขอบคุณทุกคนเป็นอย่างยิ่ง วันนี้เป็นวันแรก เป็นครั้งแรกในการสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ก็คือ”พรรครวมไทยสร้างชาติ”
“…ที่นายกมีวันนี้ได้เป็นเพราะพวกเรา เพราะเราคือประเทศไทย ประเทศไทยคือแผ่นดินที่ศักดิ์สิทธิ์ เกิดที่นี่หากินที่นี่ บางคนก็ไม่ได้อยู่ ก็ขึ้นอยู่แล้วแต่บุคคลแล้วแต่อาชีพ เราต้องรักษาแผ่นดินนี้ไว้ให้นานที่สุดให้น่าอยู่ วันนี้ดีใจตื้นตันใจไม่เคยตื่นเต้นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย…” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าปกติตนไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้วเป็นทหารมาทั้งชีวิต แต่วันนี้ตนกลัวความรักที่ได้รับมาจากทุกคนและความรักของตนที่ให้ทุกคน จะเท่ากันหรือไม่ เพราะตนรักทุกคนจริงๆ เพราะเราคือเจ้าของแผ่นดินที่นี่
อย่างที่บอกว่าเป็นทหารมาทั้งชีวิตมาตั้งแต่เด็กเติบโตก็อยู่ในค่ายทหาร จนกระทั่งเป็นนายทหารชั้นผู้น้อยมาเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ วันนี้ก็เดินหน้าในการบริหารประเทศ แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ตนย้ำว่าทำเพื่อความเจริญก้าวหน้าของประเทศ เราต้องยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นี่คือหัวใจของคนไทยทั้งชาติ เพราะสถาบันเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
ตอนเด็กตนได้รับการสั่งสอนมาว่าจะต้องซื่อสัตย์สุจริต และตอนที่เป็นทหารตนจะมีเครื่องหมายที่ติดอยู่ที่หน้าอกก็คือเครื่องหมายทหารเสือ ในเครื่องหมายจะมีหัวใจอยู่ตรงกลางเป็นสีม่วง หมายถึงผู้บังคับบัญชาจะต้องมีหัวใจแห่งความซื่อสัตย์ และสีม่วงก็เหมือนหัวใจของคนที่ใกล้ตาย จะต้องไม่โกหกทุจริต คนใกล้ตายจะไม่โกหก แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวันนี้จะเปลี่ยนแปลงไปหรือเปล่า
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงเหตุผลว่าทำไมตนต้องอยู่ และทำไมต้องมายืนตรงนี้ เพราะเมื่อเรามีหัวใจดวงเดียวกัน ในหัวใจมีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชน ซึ่งจะต้องเป็นที่พึ่งได้ในทุกโอกาส เราต้องร่วมมือร่วมใจในการเดินหน้า หลายคนสงสัยว่าตนอยากเป็นอีกหรือไม่ ยืนยันไม่ได้อยากเป็นใหญ่ เพราะมีอำนาจมาเยอะแล้ว มีอำนาจมาทั้งชีวิตในหน้าที่ราชการ เพราะอำนาจมาพร้อมความรับผิดชอบ จะต้องใช้อำนาจให้ถูกต้องเป็นธรรม ทุกอย่างจะเดินหน้าไปได้ด้วยดี ทุกวันนี้ไม่ใช่ว่าตนอยากเป็น และย้ำว่าไม่เคยรับผลประโยชน์จากใครทั้งสิ้น
ส่วนการที่มายืนตรงนี้ เพราะตนเคารพกระบวนการประชาธิปไตยของประเทศไทย ย้ำว่า “ไม่ได้อยากอยู่ต่อ แต่ประเทศไทยต้องไปต่อ” บนพื้นฐานมีเสถียรภาพความมั่นคง เจริญไปสู่ความรุ่งเรืองในอนาคตให้เร็วที่สุด ปัญหาของประเทศตอนอยู่มาหลายปีตนทราบและแก้ไขอย่างต่อเนื่อง ถ้าตนมีโอกาสก็จะแก้ปัญหาต่อไปให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเรื่องที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัย ค่าครองชีพความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรม ปัญหายาเสพติดการทุจริตคอรัปชั่น ของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ตลอดจนการพัฒนาประเทศและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าวันนี้ตนไม่สามารถแก้ปัญหาด้วยตัวเองได้ จึงจะต้องมีทีมงานที่เรียกว่าพรรคการเมือง ตนก็คิดแล้วคิดอีกว่าจะสมัครพรรคการเมืองดีหรือไม่ เป็นเวลาหลายเดือน วันนี้ตัดสินใจได้แน่นอนแล้ว “ถ้ารู้ว่าดีแบบนี้ก็มานานแล้ว” แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีคนรักใคร่ตนเหลืออยู่หรือไม่ ขออย่าเป็นคนที่ขี้เบื่อเร็วนัก ซึ่งก็เหมือนครอบครัว สามีภรรยาก็ต้องซื่อสัตย์ต่อกัน หนุ่มๆสาวๆที่จีบกัน วันนี้มาบอกว่าแก่ไปแล้วไม่ได้ ยิ่งแก่ก็ต้องยิ่งรัก ตนยิ่งแก่ก็ยิ่งรักท่านมากขึ้นทุกวัน เพราะฉะนั้นผมก็ต้องไปร่วมกับเขาไปร่วมทีมงานที่เหมาะสม นายกฯปากหวานแต่จริงใจ
ส่วนที่ตนก้าวมาสู่ตรงนี้หลายอย่างต้องทำต่อทำใหม่และทำเพิ่ม ก็เพื่อทุกคน ต้องนึกถึงคนที่ด้อยกว่าและจะมีกำลังใจในการพัฒนาประเทศที่จะชักจูงเขาไปด้วย การพัฒนาประเทศมีหลายมิติด้วยกัน ประเทศไทยมีความรักสามัคคีกันอยู่แล้ว ต้องไม่ให้ใครทำลายความรักความสามัคคี คนไทยเป็นคนที่รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาที่เราไม่เคยเจอมาก่อนก็คือโควิด-19 ซึ่งก็เกิดขึ้นทั้งโลกด้วยกัน แต่เราก็ประคับคองมาอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ซึ่งที่บอกว่าเรารักสงบแต่รบไม่ขลาด ก็อย่างเช่น รบกับเชื้อโรคโควิด เราต้องร่วมมือกันที่จะไม่ให้เชื้อรุกลามบานปลายต่อไป วันหน้าอย่าประมาทว่าจะเกิดโรคใหม่ขึ้นมาอีกก็ได้ แต่วันนี้เราซักซ้อมมาแล้วแสดงว่าเรามีความพร้อม
ทั้งนี้จะต้องทำอย่างไรให้โครงการที่มีอยู่เดินหน้า หลายๆอย่างติดค้างอยู่ทั้งเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ทางกายภาพ ดิจิตอล เป็นเรื่องที่ทุกคนได้ประโยชน์อยู่แล้ว วันนี้โลกเปลี่ยนไปเยอะ เราต้องอยู่ให้ได้รอดไปพร้อมกัน
จากนั้นนายกฯ ได้จับมือแกนนำและยกขึ้นพร้อมพูดว่าพวกเราต้องไปด้วยกันให้ได้ ไม่มีอะไรที่เราเอาชนะไม่ได้ ต้องเอาชนะใจตัวเองให้ได้และฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน วันนี้เรามายืนอยู่ในตรงนี้ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ มีอุดมการณ์เหมือนกันรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เหมือนกัน สิ่งเหล่านี้ทำให้ตัดสินใจว่าจะมาอยู่ตรงนี้ ถึงแม้จะเหนื่อยจะเครียดต่างๆอะไรก็ตาม เพื่อทำในสิ่งที่ดีกว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ
ใครจะเป็นรัฐบาลนั้นต้องย้ำเรื่องความเท่าเทียม ในเรื่องของโอกาสไม่ว่าจะยากดีมีจนจะต้องมีโอกาสทั้งสิ้นที่ต้องเข้าถึงการบริการของภาครัฐ และเท่าเทียมด้านกฎหมาย ผู้ที่มีรายได้น้อยต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ซึ่งจะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
วันนี้ตนต้องให้เครดิตหัวหน้าพรรค ตนเชื่อมั่นเพราะเขาอยู่ในวงการมาหลายปี ทำงานกับตนมาหลายปีแล้วเป็นนักการเมืองที่มีคุณภาพ วันนี้เรามาร่วมมือกันเพื่อประเทศไทยของทุกคน
ช่วงสุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าหัวใจของตนมีดวงเดียวแต่ต้องใหญ่พอที่จะรักคนทั้งประเทศให้ได้ตนไม่เคยโกรธใครอยู่แล้ว ตนยิ้มแย้มแจ่มใสก็เป็น จริงใจอยู่แล้ว
ทั้งนี้ขอให้ทุกคนได้พกพาหัวใจและฝากหัวใจดวงน้อยๆดวงนี้ไว้ด้วย วันนี้นอนหลับแล้วนอนไม่หลับมาหลายวันเพราะตัดสินใจมานาน จากนั้นนายกฯได้ร้องเพลงศรัทธา ของศิลปินวงหินเหล็กไฟ และตะโกนว่ารวมไทยสร้างชาติ 3 ครั้ง ก่อนจะถ่ายภาพร่วมกันกับแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และพบปะประชาชน