ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจะไม่เห็นแสงสว่างจากการจัดสรรงบประมาณในครั้งนี้เลย เพราะงบประมาณนี้มีรายจ่ายประจำสูงถึง 2.7 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะรัฐบาล คสช. จะใช้คำใหม่ คืองบบูรณาการ ซึ่งตั้งงบไว้ 230,000 ล้านบาท ซึ่งไม่มีการประเมินผลการใช้งบประมาณ มองว่างบประมาณส่วนนี้น่าจะนำไปใช้เป็นงบสวัสดิการการศึกษา หรือสวัสดิการคนยากจน หรือเรื่องที่ดินยังได้เลย และอีกส่วนหนึ่งพบว่างบประมาณจำนวนมาก จัดงบประมาณโดยไม่มีข้อมูลเช่นงบวิจัย ปีนี้ตั้งงบไว้ 20,000 กว่าล้านบาท เปรียบเทียบย้อนหลังจะพบว่ามีงบประมาณส่วนนี้แสนล้าน งานวิจัยมีมากมายแต่ไม่นำผลการวิจัยมาใช้ในการจัดการงบประมาณ
วันนี้มีเวทีเสวนาสภาที่สาม ว่างบประมาณใช้ในการพัฒนาประเทศได้หรือไม่ ส่วนใหญ่นักวิชาการยังมองไม่เห็นอนาคต หลายคนมองว่าเป็นการจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนผู้มีอำนาจ และประชาชนจะไม่ได้อะไรมาก หรือเรียกว่างบประมาณเพื่อสนับสนุนศักดินา พรรคฝ่ายค้านมีหน้าที่ชี้ให้ประชาชนเห็น หากจัดงบประมาณใหม่ได้ ก็ควรต้องจัดงบประมาณใหม่ เพราะเราเก็บภาษีได้ 2.7 ล้านล้านบาท กู้เงินมาอีก 5 แสนล้านบาท เท่ากับงบกลาง สะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำอย่างมาก งบประมาณนี้คือศูนย์รวมของความเหลื่อมล้ำ ประชาชนที่อยู่ในชนบทต่างจังหวัดแทบจะไม่เห็นประโยชน์จากการแบ่งงบประมาณเลย
นายคำพอง เทพาคำ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ปัญหาของพี่น้องประชาชนมีมาอย่างยาวนานมีการเรียกร้อง 20-30 ปี แต่การแก้ไขปัญหายังไม่ตอบสนองต่อปัญหาที่ประชาชนเรียกร้อง แม้แต่รัฐมนตรีหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ยังไม่มีคำตอบ คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีคำตอบให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน เราจะเขียนว่ามีการจัดสรรงบประมาณกลางในจำนวนที่สูงมากซึ่งนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ใช้งบประมาณก้อนนี้ ส่วนงบประมาณการจัดการน้ำและสิ่งแวดล้อมจะเห็นว่า มุ่งไปที่การเยียวยามากกว่าการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำ พรรคฝ่ายค้านจะทำหน้าที่สะท้อนเสียงความเดือดร้อนของประชาชนเพื่อนำไปผลักดันแก้ไขในสภาผู้แทนราษฎรต่อไป