ผู้เชี่ยวชาญแนะใช้สมุนไพรเติมน้ำให้ผิวเตรียมรับอากาศแห้งหนาวหนาว
สมุนไพรไทยกับการดูแลผิวเป็นของคู่กัน โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวอย่างนี้ ย่อมส่งผลให้ผิวพรรณของหลายคน แตกแห้งและลอกเป็นขุยได้ง่าย รวมไปถึงการล้างหน้าที่ผิดวิธี ก็ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้หน้าแห้ง ล่าสุด ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว ผู้ช่วยผู้อำนวยการ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ที่มีส่วนผสมของสมุนไพรไทย และการประยุกต์ใช้สมุนไพรพื้นบ้านริมรั้ว เพื่อดูแลผิวหน้าให้กลับมานุ่มชุ่มชื่นแบบออแกนิคไว้น่าสนใจ
ภญ.ผกากรอง ให้ข้อมูลว่า “สิ่งสำคัญที่ทำให้หลายคนผิวแห้งและลอกเป็นขุย ในช่วงที่บ้านเราเริ่มมีอากาศเย็น คือการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นที่ผิดวิธี ดังนั้นเทคนิคการใช้น้ำอุ่นล้างหน้า โดยที่ผิวหน้าไม่แห้งตึงและลอกนั้น เริ่มจากการเช็ดทำความสะอาด เครื่องสำอางและสิ่งสกปรกออกจากใบหน้าก่อน จากนั้นตามด้วยการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นกระทั่งเช็ดหน้าให้แห้ง และจึงล้างหน้าด้วยน้ำสุดท้ายคือน้ำเย็น เพราะน้ำเย็นจะช่วยทำให้รูขุมขนกระชับ นั่นจึงทำให้ผิวหน้าของเราไม่แห้งลอก
ส่วน “การเลือกครีมบำรุงหน้าที่มีสมุนไพรไทย” นั้น หากคนทั่วไปที่ไม่แพ้ง่าย ก็สามารถเลือกครีมบำรุงผิวหน้าที่เราใช้เป็นประจำได้ แต่หากเป็นคนที่แพ้ง่าย ก็แนะนำให้เลือกเนื้อครีมบำรุงสูตรคนแพ้ง่าย ที่มีส่วนผสมของน้ำมันธรรมชาติ เช่น ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของน้ำมันรำข้าวที่สกัดเย็น ก็สามารถทาบำรุงหน้าได้เป็นประจำ เพราะน้ำมันรำข้าวที่สกัดเย็น หรือ หีบเย็นนั้น จะใช้เครื่องหีบเพื่อนำมันรำข้าวออกมา โดยที่ไม่ต้องผ่านความร้อน และไม่ต้องใช้ตัวทำละลายในการสกัดเอาน้ำมันรำข้าวออกมา เพราะปกติแล้วตัวทำละลายนั้นจะเป็นสารเคมี ที่อาจตกค้างในร่างกายได้
นอกจากนี้ ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารสกัดใบบัวบก ก็สามารถเลือกมาบำรุงผิวหน้าได้เช่นกัน แม้ว่าใบบัวบกนั้นจะไม่ได้ช่วยเรื่องความชุ่มชื่นผิวหน้า แต่สรรพคุณของใบบัวบกนั้น จะช่วยทำให้ผิวหน้ามีความยืดหยุ่นได้ดี โดยเฉพาะในผู้หญิงที่แพ้ง่ายและมีผิวหน้าแห้ง ที่มาจากสาเหตุของการขาดน้ำในผิว ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น ดังนั้นครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของใบบัวบก จึงเป็นตัวช่วยที่ดี
ส่วนใครที่มีปัญหาผิวแห้งเป็นพิเศษ ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารสกัดแตงกวา ก็เหมาะกับคนผิวแห้ง เพราะสรรพคุณของแตงกวานั้น จะทำให้ผิวเกิดความชุ่มชื่น เนื่องจากสารสกัดจากแตงกวานั้น จะไปกระตุ้นให้ผิวหลั่งน้ำออกมา จึงทำให้ผิวชุ่มชื่นนั่นเอง
“สำหรับใครที่มีแตงกวาอยู่ในครัว ก็สามารถนำแตงกวามาฝานให้บาง และนำมาโป๊ะหน้าได้เช่นเดียวกัน โดยล้างหน้าให้สะอาดก่อน และจึงนำแตงกวามาวางลงบนหน้าของเรา ทั้งนี้ไม่จำกัดเวลาในการโป๊ะหน้าด้วยแตงกวา ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนจะสามารถทำได้นานแค่ไหน อีกทั้งสามารถบำรุงผิวด้วยแตงกวาบ่อยได้เท่าที่ต้องการ โดยที่ไม่ต้องล้างหน้าออก แต่หากพบว่ามีอาการคันหรือแพ้แตงกวา ก็ควรเลี่ยงการบำรุงผิวหน้าด้วยวิธีนี้”
หรือแม้แต่การ พอกหน้าด้วยว่านหางจระเข้ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว ก็สามารถทำได้ โดยเลือกวานหางจระเข้ที่มีกาบขนาดใหญ่ จากนั้นนำมาปลอกเปลือกออกก่อน และเมื่อเราสังเกตเห็นว่ามียางสีเหลืองหลังจากที่ปลอกเปลือกแล้ว จากนั้นให้ล้างยางสีเหลืองออกให้หมด และนำมาฝานให้เป็นขนาดชิ้นบางๆ หรือจะหั่นเป็นชิ้นลูกเต๋า และนำมาพอกบนผิวหน้าก็ได้เช่นกัน ก็จะช่วยทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื่น โดยไม่ต้องล้างออก และสามารถพอกทิ้งไว้ได้นาน เท่าที่ผิวของเราสามารถรับได้ และยังสามารถพอกหน้าด้วยว่านหางจระเข้ได้บ่อยๆ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะสมุนไพรไทยของเราหาได้ง่าย ที่สำคัญการบำรุงผิวหน้าด้วยสมุนไพร และเลือกครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสมุนไพรไทย นับว่าเป็นการดูแลผิวพรรณด้วยวิธีธรรมชาติ เพราะสมุนไพรที่กล่าวมาล้วนเป็นออแกนิค พึ่งพาการใช้สารเคมีในการปลูกน้อย อีกทั้งสรรพคุณของพืชสมุนไพรเหล่านี้ ล้วนมีสรรพคุณเต็มน้ำและช่วยให้ผิวเกิดความยืดหยุ่นอยู่แล้ว