กัลฟ์ ไบแนนซ์ แนะนำความต่าง 2 ใบอนุญาต ทั้ง Exchange และ Broker

กัลฟ์ ไบแนนซ์ (Gulf Binance) เผยความต่างระหว่างศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) และนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker) ชี้ Digital Asset Exchange มีคู่เหรียญไทยบาท ไม่ต้องคำนวณเปลี่ยนสกุลเงิน แต่สภาพคล่องต่ำกว่า ราคาผันผวนมากกว่า ส่วน Digital Asset Broker เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ระดับโลก มีสภาพคล่องสูงกว่า ตัวเลือกคู่เหรียญหลากหลาย แต่ไม่สามารถเลือกเพิ่มเหรียญใหม่เองได้
กัลฟ์ ไบแนนซ์ ระบุว่า Digital Asset Exchange มีข้อดีคือการมีคู่เหรียญไทยบาท ทำให้ไม่จำเป็นต้องคำนวณเปลี่ยนสกุลเงินหลายต่อ รวมถึงสามารถลิสต์เหรียญของคนไทยที่คนในประเทศสนใจ เพื่อสนับสนุนและขับเคลื่อนระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศไทย ขณะที่ข้อเสียเป็นเรื่องปริมาณการซื้อขายที่เกิดขึ้นจากนักลงทุนชาวไทยเท่านั้น ทำให้มีสภาพคล่องที่ต่ำกว่า การซื้อขายเกิดขึ้นน้อยกว่า ราคามีความผันผวนมากกว่า โดยเฉพาะเมื่อเกิดแรงเทขายอย่างหนักที่มีจำนวนผู้ขายมากกว่าผู้ซื้อ อาจส่งผลให้ผู้ขายไม่สามารถขายเหรียญ หรือขายในราคาไม่สมเหตุสมผล
ส่วน Digital Asset Broker มีข้อดีเรื่องของความสามารถในการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ระดับโลกที่มีความน่าเชื่อถือ มีสภาพคล่องสูงกว่า มีผู้ซื้อผู้ขายเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก มีตัวเลือกคู่เหรียญที่หลากหลาย เข้าถึงคู่เหรียญใหม่ได้รวดเร็ว เหรียญมีราคาที่ดีกว่า ค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่า แต่อย่างไรก็ตาม การเป็นนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลก็มี ข้อเสีย จากการที่ไม่สามารถเลือกเพิ่มเหรียญใหม่เองได้
กัลฟ์ ไบแนนซ์ ศึกษาถึงความต้องการของผู้ใช้งาน ทำให้ทราบว่านักลงทุนส่วนใหญ่ในประเทศไทยมีความสนใจลงทุนทั้งในคู่เหรียญไทยบาท และคู่เหรียญ USDT รวมถึงต้องการได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งาน จึงวางแผนยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและใบอนุญาตนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลจากกระทรวงการคลังของประเทศไทย และล่าสุดไบแนนซ์ ทีเอช บาย กัลฟ์ ไบแนนซ์ (Binance TH by Gulf Binance) ได้รับใบอนุญาตทั้ง 2 ใบอนุญาตแล้ว
นายนิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด กล่าวว่า Binance TH by Gulf Binance นำข้อดีจาก Exchange และ Broker มารวมไว้ในที่เดียว โดยแยกแถบการใช้งานออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ EXCH และ BRKR อย่างชัดเจน โดยแถบ EXCH คือ คู่เหรียญที่อยู่ภายใต้ใบอนุญาตศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ที่จะมีให้บริการเฉพาะคู่เหรียญไทยบาทเท่านั้น ขณะที่แถบ BRKR หมายถึง คู่เหรียญที่อยู่ภายใต้ใบอนุญาตนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ที่จะมีให้บริการเพียงคู่เหรียญ USDT เท่านั้น
การมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล จะเป็นการเปิดโอกาสให้คนไทยสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนคู่เหรียญใหม่ระดับโลกในแพลตฟอร์มของประเทศไทยได้ด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำเพียง 0.1% เท่านั้น ปัจจุบัน Binance TH by Gulf Binance ถือเป็นแพลตฟอร์มที่นำเสนอคู่เหรียญมากที่สุดในประเทศไทยกว่า 160 คู่เหรียญ
ทั้งนี้ สิ่งที่ทำให้คู่เหรียญไทยบาท และคู่เหรียญ USDT แตกต่างกัน คือ เรื่องของสภาพคล่อง หรือความสามารถที่ทรัพย์สินจะเปลี่ยนสภาพเป็นเงินสด ดังนั้น หากตลาดหรือแพลตฟอร์มไหนมีผู้ใช้งานจำนวนมาก มีความต้องการซื้อขายสูง ถึงแม้การซื้อขายคู่เหรียญ USDT จะมีความยุ่งยากมากกว่า แต่ด้วยข้อดีที่มีอย่างมากมาย ทำให้นักลงทุนจำนวนมากต่างให้ความสนใจกับคู่เหรียญนี้
USDT โดยบริษัท Tether เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของ CoinMarketCap ซึ่งมูลค่าของเหรียญนี้ผูกยึดกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ทำให้มีความผันผวนต่ำ และถูกจัดให้เป็น Stablecoin ที่ได้รับความนิยมให้นำมาจับคู่กับเหรียญอื่น ๆ อย่างแพร่หลาย ด้วยเหตุนี้ คู่เหรียญ USDT จึงมีสภาพคล่องสูง เมื่อเทียบกับคู่เหรียญไทยบาท ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อคนไทยโดยเฉพาะ