INVESTMENT

กรุงศรี ประกาศแผนดำเนินธุรกิจปี 2566 มุ่งสู่อาเซียน เน้นความยั่งยืน พัฒนาด้านดิจิทัล-นวัตกรรม

นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน) ล่าสุดประกาศการดำเนินงานผ่านกลยุทธ์ 3 ด้านประจำปี 2566 ได้แก่ 1.การดำเนินธุรกิจที่เชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียน (ASEAN-Linked Business) ผ่านนวัตกรรมบริการด้านการเงิน 2.การดำเนินธุรกิจที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืนตามโมเดล ESG (ESG-Linked Business) เพื่อเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ยั่งยืนที่สุดของประเทศไทย 3.เป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจการเงินเพื่อความยั่งยืน และการพัฒนาด้านดิจิทัลและนวัตกรรม (Digital & Innovation) โดยปีนี้เป็นปีสุดท้ายของแผนธุรกิจระยะกลางฉบับปัจจุบันปี 2564 -2566 ทั้งนี้กรุงศรีมุ่งมั่นเดินหน้า เพื่อบรรลุเป้าหมายสู่การเป็น สถาบันการเงินไทย ที่เป็นที่หนึ่งในใจลูกค้าทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน

นายเซอิจิโระ กล่าวว่า “ขณะที่เรากำลังก้าวเข้าสู่ปีสุดท้าย ของแผนธุรกิจระยะกลางฉบับปัจจุบัน เมื่อมองย้อนกลับไป จะเห็นถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้นมากมาย อย่างเช่นเรื่องของการเชื่อมโยงโครงข่ายในอาเซียนสู่ตลาดหลักๆในภูมิภาค การเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แม้ในช่วงท้าทายของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ความยืดหยุ่นในการปรับตัว และพัฒนาการที่สำคัญสู่เป้าหมายด้าน ESG สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความสำเร็จ ที่เกิดขึ้นระหว่างปี 2564-2565 ที่เราเชื่อมั่นว่าจะเป็นฐานรากที่แข็งแกร่ง ให้กรุงศรีสามารถเดินหน้า สู่อนาคตที่ยั่งยืนเพื่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม และในปีนี้จะเป็นปีที่ทุกคนจะได้เห็น การยกระดับตำแหน่งของกรุงศรีในอาเซียน ในการดำเนินธุรกิจบนแนวทาง ESG และในการต่อยอดความ เป็นผู้นำด้านดิจิทัล และนวัตกรรมเพื่อการเติบโตของธุรกิจ”

ความสำเร็จในปี 2564-2565 ขณะที่ประเทศไทยเริ่มฟื้นตัว จากการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก กรุงศรียังคงยึดมั่นให้การดูแลช่วยเหลือ ในเชิงรุกแก่ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ และยังคงมีลูกค้าที่อยู่ภายใต้ มาตรการช่วยเหลือต่างๆ คิดเป็นเงินให้สินเชื่อคงเหลือกว่า 150,000 ล้านบาท และอีกกว่า 16,000 ล้านบาทในรูปของโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan) และสินเชื่อเพื่อการฟื้นฟูธุรกิจ อีกทั้งกรุงศรียังมีผลการดำเนินงาน ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยยอดสินเชื่อรวมเติบโตเพิ่มขึ้น 3.1% และความสามารถในการทำกำไร (NIM) ที่ 3.45%

ในช่วงสองปีแรกของแผนธุรกิจระยะกลางฉบับปัจจุบัน กรุงศรีได้ยกระดับโครงข่ายอาเซียนอย่างแข็งแกร่ง ด้วยการขยายกิจการในต่างประเทศ ทั้งในประเทศฟิลิปปินส์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย ขณะที่ธุรกิจในประเทศกัมพูชา และสปป.ลาว ก็ยังสามารถรักษาระดับการเติบโตได้ดี ส่งผลให้กรุงศรีสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 150,000 ราย ผ่านการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) และการร่วมเป็นพันธมิตร (Partnership)

นอกจากนี้กรุงศรียังได้ขยายกิจการ ไปทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน อย่างต่อเนื่องผ่านความร่วมมือทางธุรกิจกับ SB Finance ประเทศฟิลิปปินส์ และ SHB Finance ในประเทศเวียดนาม ขณะเดียวกันก็มีการพัฒนาโครงข่ายเชื่อมโยง ในประเทศอินโดนีเซีย สิงคโปร์ และกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง สถานะของ Hattha Bank ในประเทศกัมพูชาเอง ก็มีการยกระดับขึ้นสู่การเป็นธนาคารพาณิชย์ ในด้านภาพรวมผลประกอบการ กรุงศรีมีรายได้สุทธิจากการดำเนินธุรกิจ ในอาเซียนเพิ่มขึ้นจาก 3% ในปี 2563 เป็น 6% ในปี 2565

สำหรับการยกระดับฐานะของกรุงศรีในภูมิภาคอาเซียน เพื่อต่อยอดจากรากฐานที่มั่นคง ในภูมิภาคอาเซียนในปี 2566 กรุงศรีตั้งเป้าที่จะผนึกกำลังธุรกิจต่างๆในอาเซียน ภายใต้กลยุทธ์ One Krungsri เพื่อสร้างมูลค่าให้กับลูกค้าในประเทศไทยและอาเซียน ด้วยเป้าหมายดังกล่าว จะทำให้เกิดบริการทางการเงินที่สำคัญ อาทิ บริการโอนเงิน การลงทุนในต่างประเทศ บริการที่ปรึกษา และบริการอื่น ๆ อย่างบัตรเครดิตที่จะเข้าถึงผู้ใช้มากขึ้น ด้วยการนำเสนอสิทธิประโยชน์ที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้า นอกจากนี้ธนาคารยังมุ่งขับเคลื่อน เพื่อบรรลุสู่เป้าหมายในการสร้างรายได้สุทธิ จากการดำเนินธุรกิจในอาเซียนให้เป็น 10%

ด้วยเป้าหมายที่จะเป็นธนาคารพาณิชย์ ที่ยั่งยืนที่สุดในประเทศไทย กรุงศรีประกาศเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ จากการดำเนินงานของธนาคารภายในปี 2573 โดยธนาคารจะยังคงเดินหน้า อย่างไม่หยุดยั้งเพื่อบรรลุเป้าหมายด้าน ESG ในปี 2566 นี้ด้วยการสนับสนุนให้ลูกค้า สามารถเปลี่ยนผ่านและดำเนินงาน ตามแนวทาง ESG ผ่านหลากหลายโครงการ สำหรับลูกค้าธุรกิจและรายย่อย ในส่วนของภาคธุรกิจ ยังรวมถึงการให้เงินสนับสนุนกับโครงการ ที่เกี่ยวข้องกับการประหยัดพลังงาน เช่น หลังคาพลังงานแสงอาทิตย์ จุดชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) และพลังงานทดแทน อีกทั้งสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน และหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน สินเชื่อที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจสีเขียว ธุรกิจเพื่อสังคม และธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ก็เป็นสิ่งที่ธนาคารให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ ในส่วนของรายย่อย การให้สินเชื่อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า การให้สินเชื่อที่รับผิดชอบต่อสังคม และกองทุนที่เกี่ยวข้องกับ ESG จะได้รับการเสนอให้กับลูกค้า ภายใต้การประกาศวิสัยทัศน์ด้านความเป็นกลางทางคาร์บอนของกรุงศรี ธนาคารมีเป้าหมายจะเพิ่มการสนับสนุน ทางการเงินให้แก่โครงการธุรกิจเพื่อสังคมและความยั่งยืนเป็น 50,000 – 100,000 ล้านบาทภายในปี 2573

ส่วนกลยุทธ์ข้อสุดท้ายคือการสร้างการเติบโตทางธุรกิจ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม การลงทุนต่อเนื่องในโครงการพัฒนาด้านดิจิทัลและนวัตกรรม ที่ประสบความสำเร็จของกรุงศรี จะทำให้ธนาคารเพิ่มการสนับสนุน ความเชื่อมโยงอาเซียนในวงกว้าง ผ่านการส่งเสริมการชำระและการโอนเงินข้ามประเทศ โดยในประเทศไทยได้มีการเปิดโครงการนำร่อง สกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยรัฐบาลกลาง (CBDC) ภาคประชาชนและภาคธุรกิจ ที่จะเปลี่ยนอนาคตของการชำระเงินดิจิทัล ด้วยความเชี่ยวชาญและความพร้อม จึงทำให้กรุงศรีเป็นหนึ่งในสองธนาคารพาณิชย์ของไทยที่ได้รับเลือกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ในการเข้าร่วมโครงการนำร่องสกุลเงินดิจิทัลภาคประชาชน ที่ออกโดยรัฐบาลกลาง ทั้งนี้ประสบการณ์ของลูกค้า ยังถือเป็นสิ่งสำคัญสุดสำหรับการพัฒนานวัตกรรม กรุงศรีมีเป้าหมายที่จะเชื่อมโยงแอพพลิเคชั่นบนมือถือ ที่มีไม่ว่าจะเป็น KMA-Krungsri Mobile App, UCHOOSE และ GO เพื่อช่วยให้ผู้ใช้มีชีวิตที่ง่ายยิ่งขึ้น นับเป็นส่วนหนึ่งของโร้ดแมป แผนงานพัฒนาระยะยาว เพื่อสนับสนุนอนาคตของการธนาคาร และการปรับพัฒนาด้านความปลอดภัยของแอพพลิชั่น และดิจิทัลแบงก์กิ้งอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่ปลอดภัย

“ปีนี้จะเป็นปีที่ท้าทายจากการที่ประเทศเศรษฐกิจหลัก กำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ผลจากการเปิดประเทศของจีน ที่ยังคงไม่ชัดเจนนัก แต่อุปสงค์ในภาคบริการน่าจะเติบโตเร็วขึ้นกว่าอุปสงค์ต่อสินค้า การเติบโตของเศรษฐกิจในอาเซียน ชะลอตัวลงอยู่ที่ 4.9% ในปี 2566 จาก 5.3% ในปี 2565 แต่ยังคงเป็นภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุด นอกจากประเทศไทยแล้ว ประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียมีการเติบโตที่ดี โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนจากอุปสงค์ภายในประเทศ และการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวต่างประเทศ รวมทั้งข้อตกลงการค้าเสรีที่รวมถึง RCEP และเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ที่ไหลเข้ามา ด้วยกลยุทธ์ของกรุงศรี เราหวังที่จะก้าวข้ามความท้าทายเหล่านี้ไปได้ และจะอาศัยข้อได้เปรียบจากโอกาสต่าง ๆ ที่มีในอาเซียนโดยการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป และเสนอโซลูชันที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าธุรกิจและลูกค้ารายย่อยทั่วภูมิภาค”

ทั้งนี้กรุงศรีคาดว่าในปี 2566 เงินให้สินเชื่อ จะเติบโตที่ 3-5% และตั้งเป้าหมายของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.5% ซึ่งคาดว่ารายได้ ที่มิใช่ดอกเบี้ย (Non-Interest Income) จะยังอยู่ในระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา และอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio) อยู่ที่ราว 2.5-2.6%

Related Posts

Send this to a friend