อ.แม่สาย มอบบัตรประชาชนไทยให้ 71 ผู้เฒ่าไร้สัญชาติ
อำเภอแม่สาย มอบบัตรประชาชนไทยให้ 71 ผู้เฒ่าไร้สัญชาติ พ่อเฒ่าวอนรัฐบาลลดขั้นตอน-ระยะเวลาดำเนินการ เหตุมีความซับซ้อน และใช้เวลานาน ด้านเลขามูลนิธิ พชภ.แนะรัฐเปิดช่องทางพิเศษสำหรับผู้เฒ่าให้ได้รับสิทธิ์โดยเร็ว
วันนี้ (30 พ.ค. 67) ที่ว่าการอำเภอแม่สาย จ.เชียงราย นายณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สาย เป็นประธานในพิธีมอบบัตรประชาชนให้แก่ ‘ผู้เฒ่าไร้สัญชาติ’ 71 คน ซึ่งส่วนใหญ่มีเชื้อสายไทลื้อ จีนอพยพ และจีนคณะชาติ โดยทั้งหมดเป็นผู้ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้แปลงสัญชาติเป็นไทย ตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2567 ซึ่งมีทีมงานสถานะบุคคลของมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) เข้าร่วม
นายณรงค์พล กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่มอบบัตรประชาชนให้ผู้เฒ่ามากที่สุด รอบนี้มีรายชื่อผู้ได้รับมอบบัตรประชาชนไทยของ อ.แม่สาย 72 คน มีอายุมากกว่า 70 ปี จำนวน 6 คน แต่เสียชีวิตไปก่อน 1 คน ขอให้ทุกคนได้เป็นคนไทยอย่างเต็มภาคภูมิ
นายแก้ว จันทร์พร ชาวอำเภอแม่สาย อายุ 76 ปี กล่าวว่า อพยพมาจากสิบสองปันนา ขี่ม้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ อ.แม่สาย ได้ 58 ปีแล้ว และยังร่วมกันก่อตั้งสมาคมไทลื้อจังหวัดเชียงราย พยายามผลักดันแก้ปัญหาผู้เฒ่าไร้สัญชาติ ซึ่งเดิมต้องมีหลักฐานรายได้และการเสียภาษีสำหรับต่างด้าวไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับชาวบ้าน ต่อมาได้ร่วมกับ นางเตือนใจ ดีเทศน์ อดีตสมาชิกวุฒิสมาชิก จ.เชียงราย ผลักดันจนสามารถแก้ระเบียบการแปลงสัญชาติสำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี สามารถเข้าถึงกระบวนการแปลงสัญชาติได้
“วันนี้ดีใจมากได้เป็นคนไทยเต็มร้อย ก่อนหน้านี้เราเป็นต่างด้าว ทั้ง ๆ ที่อยู่บนแผ่นดินไทยมาโดยตลอด อยากให้ลดระบุเวลาดำเนินการ ที่ขณะนี้กำหนดระยะเวลา 730 ยาวนานเกินไปสำหรับคนแก่ หากลดระยะเวลาขั้นตอนการแปลงสัญชาติลงเหลือสัก 1 ปีก็จะช่วยได้มาก” กรรมการสมาคมไทลื้อ กล่าว
นางสาวเพียรพร ดีเทศน์ เลขาธิการ พชภ. กล่าวว่า ด้วยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ทำให้สามารถผลักดันการแก้ปัญหาผู้เฒ่าไร้สัญชาติ ขณะนี้ยังมีอีกกลุ่ม คือผู้ขอแปลงสัญชาติไทยที่ได้รับอนุญาตให้แปลงสัญชาติอีก 408 คน เป็นผู้สูงอายุในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก และหนองคาย ซึ่งหวังว่าจะมีการดำเนินการโดยเร็วเนื่องจากเป็นกลุ่มเปราะบางที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ทั้งนี้ จ.เชียงราย มีกลุ่มผู้สูงอายุไร้สัญชาติ อายุ 60 ปี ขึ้นไป จำนวนรวมทั้งสิ้น 16,598 คน
นางสาวเพียรพร กล่าวด้วยว่า ผู้สูงอายุกลุ่มเปราะบาง กลุ่มที่มีคุณสมบัติ ตามมาตรา 10 ของ พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.2508 สามารถยื่นขอแปลงสัญชาติได้ แต่การพิจารณามีขั้นตอนซับซ้อนถึง 14 ขั้น ใช้เวลานาน และเกี่ยวข้องกับหน่วยงานหลายแห่ง ก่อนหน้านี้มีการปรับแก้แนวทางประกอบการใช้ดุลพินิจในการอนุมัติการแปลงสัญชาติโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เรื่องเกณฑ์รายได้ การตรวจสอบประวัติและความประพฤติโดยหลายหน่วยงาน และความรู้ภาษาไทย เพื่อลดปัญหาและอุปสรรคในการเข้าถึงสิทธิในการขอแปลงสัญชาติของผู้เฒ่า รัฐบาลจึงควรพิจารณาให้มีกฎหมายเฉพาะหรือช่องทางพิเศษเพื่อได้รับสิทธิ์โดยเร็ว
