HUMANITY

10 ปีบิลลี่ หายตัว คนที่รักยังรอคอยให้เขากลับบ้าน

ณ บ้านบางกลอย ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี หมู่บ้านของชาวปกาเกอะญอที่เร้นตัวอยู่กลางหุบเขา ห่างจากด่านเขามะเร็ว หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานที่ 6 อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ราว 30 กิโลเมตร

เราใช้เวลาเดินทางร่วมชั่วโมงกว่าผ่านถนนที่มีสภาพเป็นหลุมเป็นบ่อ ผ่านลำห้วยที่แห้งแล้งเนื่องจากอากาศร้อนก็มาถึงตัวหมู่บ้าน

บริเวณลานหน้าศาลาพอละจี ถูกเนรมิตให้เป็นสถานที่จัดงาน “10 ปี บิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ ผู้พิทักษ์สิทธิแห่งบ้านบางกลอย ณ ใจแผ่นดิน” มีจอสำหรับฉายหนังบอกเล่าเรื่องราวการต่อสู้เพื่อสิทธิชุมชนของบิลลี่ โกลฟุตบอลที่ถูกดัดแปลงให้เป็นที่ตั้งของไวนิลแสดงไทม์ไลน์การหายตัวไปของบิลลี่ กองไฟสำหรับเผามัน และชิลี่ เพื่อนรักของบิลลี่ที่มาสาธิตวิธีทำหมาก

ใจกลางของลานกิจกรรม พี่ไก่ เกรียงไกร ชีช่วง ประธานสภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย นำรูปของ 3 นักต่อสู้เพื่อชาวกะเหรี่ยงบางกลอยมาตั้งไว้สำหรับพิธีรำลึกในช่วงค่ำ ประกอบด้วย ปู่คออี้ ผู้ต่อสู้ฟ้องร้องหน่วยงานรัฐที่ไล่เผารื้อบ้านของพวกเขาที่บางกลอยบน หรือใจแผ่นดิน กิ๊ป ต้นน้ำเพชร ที่เสียชีวิตด้วยโรคไข้เลือดออก เมื่อปี 2564 และบิลลี่ ข้าง ๆ กันมีเครื่องเซ่นไหว้ “ข้าว ดิน น้ำ” ที่เป็นสัญลักษณ์ของพระแม่โพสพ พระแม่ธรณี และพระแม่คงคา ตามความเชื่อของชาวบ้าน

“ผมเป็นคนชวนบิลลี่เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อสิ่งแวดล้อมภาคตะวันตก บิลลี่เป็นคนเปิดใจเรียนรู้ เขาอยากช่วยพี่น้องบางกลอย สื่อสารสถานการณ์พี่น้องบางกลอยให้คนภายนอกรับรู้ จนใช้เวลากับครอบครัวน้อยมาก” พี่ไก่ กล่าว

เช่นเดียวกันกับมึนอ พิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยาของบิลลี่ ที่ลงมือทำอาหารสำหรับงานรำลึกการหายตัวไปของบิลลี่ด้วยตนเอง เธอเล่าด้วยรอยยิ้มว่าน้ำพริกตาเหล่วี เป็นอาหารโปรดของบิลลี่ มันคือน้ำพริก ที่เอาปลาในแม่น้ำมาทำเป็นกะปิปลา ใส่พริก เกลือ และผงชูรส คั่วให้ค้นก็อร่อยแล้ว อีกเมนูคือ แกงส้มหน่อไม้ สูตรของบิลลี่ต้องย่างหมูให้สุกก่อนแกง ซึ่งจะเข้มข้นกว่าที่เธอทำ

“พี่บิลลี่มีความอดทนสูง เป็นสุภาพบุรุษที่ให้เกียรติทุกคน รักครอบครัวและลูก ๆ เข้าครัวทำอาหาร ชมตัวเองว่าทำกับข้าวอร่อย ตั้งแต่พี่บิลลี่หายไป ลูก ๆ ก็คิดถึงฝีมือการทำอาหารของพ่อ ทุกคนยังเฝ้ารอให้พ่อกลับมา”

มึนอ เล่าว่าตั้งแต่บิลลี่หายตัวไป เธอต้องกลายเป็นเสาหลักของบ้าน ดูแลแม่ที่ชราและลูกทั้ง 5 คน เธออยากให้เรื่องราวของบิลลี่กระจ่าง เพราะตราบใดที่คดียังไม่จบก็เท่ากับว่ายังขอใบมรณบัตรไม่ได้ และเธอยังต้องส่งเงินประกันชีวิตแทนบิลลี่ด้วย มันไม่ยุติธรรมต่อครอบครัวเรา ทำให้คนทั้งคนหายไปอย่างไม่มีร่องรอย เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับใครอีก

พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม เปิดเผยว่าเมื่อต้นเดือนเมษายน แม่และลูกของบิลลี่ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชต่อศาลแพ่ง เรียกค่าสินไหมทดแทนเป็นเงินกว่า 26 ล้านบาท ขณะที่คดีทางอาญา อยู่ระหว่างชั้นอุทธรณ์ หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ยกฟ้องเนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ มีเพียงความผิดฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เท่านั้น

พรเพ็ญ ย้ำว่า คดีบิลลี่จะเป็นคดีตัวอย่าง หากนำไปสู่การชดเชยเยียวยา เหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นได้ยากในอนาคต หรือหากเกิดขึ้นก็จะทำให้มีการสอบสวนแบบใกล้ชิดกับเหตุการณ์มากขึ้น เพราะที่ผ่านมากระบวนการค้นหาความจริงในช่วงแรกหายไป มีเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้กระทำผิดปกปิดหลักฐานและแทบจะนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ยาก

“ไม่ควรมีใครถูกกระทำแบบนี้อีก ไม่ว่าจะเป็นศัตรูของรัฐ ผู้เห็นต่าง หรือผู้ขัดขวางนโยบายบางอย่าง” พรเพ็ญ ทิ้งท้าย

บิลลี่ คือนักกิจกรรมกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงที่หายตัวไปนับตั้งแต่ 17 เมษายน 2557 เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมบิลลี่ อ้างว่าบิลลี่ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานจับกุมระหว่างนำน้ำผึ้งออกจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ได้รับการปล่อยตัวโดยไม่ได้ดำเนินคดี ภายหลังพบกระดูกส่วนกะโหลกในถังน้ำมัน 200 ลิตร เหนือสะพานแขวนในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งเชื่อว่าเป็นชิ้นส่วนของบิลลี่ แต่ผลการตรวจชิ้นส่วนกระดูกยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเป็นบิลลี่หรือไม่ ทำให้การหายตัวไปของบิลลี่ยังคงเป็นปริศนา

ในชั้นอุทธรณ์ ทีมทนายความได้ยื่นหลักฐานเพิ่มเติม โดยหวังว่าศาลอุทธรณ์จะเห็นต่างออกไป เพราะในศาลชั้นต้นพบพิรุธในพยานหลักฐานหลายอย่าง

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat