ดีเอสไอ เผยคนไทยเหยื่อค้ามนุษย์เล้าก์ก่าย ต้องได้รับการคุ้มครอง

ดีเอสไอ เผยคนไทยในเมืองเล้าก์ก่าย เป็นเหยื่อการค้ามนุษย์จากธุรกิจออนไลน์ผิดกฎหมาย ต้องได้รับการคุ้มครอง เป็นข่าวดีที่รัฐบาลเร่งช่วยเหลือให้ได้กลับไทยเร็วที่สุด
วันนี้ (6 พ.ย.66) พ.ต.ต.สิริวิชญ์ ชาญเตชะสิทธิ์กุล ผอ.กองคดีการค้ามนุษย์ และ พ.ต.ต.อาริชย์ ทัศน์พันธ์ุ รองผู้อำนวยการกองคดีการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยภายหลังได้เข้าร่วมประชุมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ นายมงคล วิศิษฐ์สตัมภ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง
พ.ต.ต.สิริวิชญ์ เปิดเผยว่า กระทรวงยุติธรรม โดยอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้กองคดีค้ามนุษย์ ติดตามกรณีนี้ตามที่ได้รับการร้องเรียนจากเครือข่ายภาคประชาชน โดยทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าคนไทยที่เมืองเล้าก์ก่ายของเมียนมา เป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จะต้องได้รับความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ซึ่งทางเมียนมาได้ให้การคุ้มครองคนไทย 162 คนในสถานที่ปลอดภัยแห่งหนึ่งในเมืองเล้าก์ก่ายแล้ว
“ความคืบหน้าเรื่องนี้เป็นความสำเร็จในระดับหนึ่งที่ทุกฝ่ายได้ยกระดับ บูรณาการความช่วยเหลือเหยื่อจากการค้ามนุษย์ น่าจะมีข่าวดี ได้รับความช่วยเหลือมาทั้งหมดในเวลาอันใกล้นี้ครับ”
พ.ต.ต.สิริวิชญ์ เปิดเผยว่า ทุกฝ่ายกำลังเร่งช่วยเหลืออีกกลุ่มหนึ่ง มีกว่า 62 คน ทางรัฐบาลก็ประสานงาน เพื่อขอรับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน แต่เนื่องจากสถานการณ์ไม่ปกติ มีสู้รบ ทำให้การติดต่อสื่อสารลำบากบ้าง
“การไปทำงานที่เรียกว่าธุรกิจฉ้อโกงผิดกฎหมาย รูปแบบทำงานประเภทนี้ เป็นการค้ามนุษย์ กักขัง ไม่มีอิสรภาพ มีการถืออาวุธ บังคับให้ทำงาน มีรายได้ขั้นต่ำ ถ้าทำไม่ถึง จะถูกทำร้ายร่างกาย ทั้งช็อตไฟฟ้าและกักขัง สุดท้ายมีการขายต่อ และนำเงินมาไถ่ตัว เข้าลักษณะการค้ามนุษย์ ต้องได้รับปฏิบัติในฐานะผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จะต้องได้รับความคุ้มครองและช่วยเหลือในฐานะผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์”
ผู้อำนวยการกองคดีค้ามนุษย์ ดีเอสไอ เปิดเผยว่า คนไทยกลุ่มนี้ถือเป็นผู้ที่อาจเสียหายจากการค้ามนุษย์ ที่ต้องนำเข้าสู่กระบวนการช่วยเหลือและกลไกการส่งต่อระดับชาติ หรือ NRM และทุกคนเป็นคนไทยที่ต้องได้รับการช่วยเหลือให้ปลอดภัยตามหลักมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชน