HEALTH

กรมควบคุมโรค รณรงค์เชิญชวน ผู้มีพฤติกรรมเสี่ยง ตรวจหาเชื้อเอชไอวีให้เป็นเรื่องปกติ

วันนี้ (30 มิ.ย. 66) นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เชิญชวน หน่วยงานภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ตลอดจนสื่อมวลชน ร่วมรณรงค์ตรวจเอชไอวี ส่งเสริมให้ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง ต่อการติดเชื้อเอชไอวี และประชาชนทั่วไป ได้รับการตรวจ และทราบสถานะการติดเชื้อของตนเอง เพื่อเข้าสู่ระบบบริการสุขภาพ ทั้งด้านการป้องกันและการดูแลรักษา เนื่องในวันที่ 1 กรกฎาคม ของทุกปี เป็นวันรณรงค์ตรวจเอชไอวี

นายแพทย์ธเรศ กล่าวว่า “ทุกวันที่ 1 กรกฎาคม ของทุกปี เป็นวันรณรงค์ตรวจเอชไอวี (Voluntary Counseling and Testing Day: VCT Day) เพื่อสร้างความตระหนัก ให้ประชาชนทุกคนเข้าใจและเห็นความสำคัญ ของการรู้สถานะการติดเชื้อของตนเอง สถานการณ์เอชไอวีประเทศไทยในปี 2565 คาดว่ามีผู้ติดเชื้อเอชไอวี จำนวน 561,578 คน (ข้อมูลจาก Thailand Spectrum-AEM, 27 เม.ย. 66) และมีผู้ติดเชื้อเอชไอวี ที่รู้สถานะการติดเชื้อของตนเอง จำนวน 507,009 คน คิดเป็น ร้อยละ 90 (ข้อมูลจากระบบสารสนเทศ การให้บริการผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์แห่งชาติ) ซึ่งมีผู้ติดเชื้อจำนวนไม่น้อย ที่ยังไม่ทราบสถานะการติดเชื้อของตนเอง และยังไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม”

ดังนั้นการส่งเสริมให้ประชาชน เข้ารับบริการตรวจคัดกรอง เพื่อทราบสถานะการติดเชื้อของตนเองเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อเข้าสู่ระบบการดูแลรักษาโดยเร็ว ภายใต้แนวคิด “Normalize HIV Testing: ตรวจฟรี ตรวจง่าย ตรวจเอชไอวีให้เป็นเรื่องปกติ

1.ตรวจฟรี รักษาฟรี คุณภาพชีวิตดี คนไทยทุกคน มีสิทธิ์ตรวจเอชไอวีฟรี ปีละ 2 ครั้ง ที่โรงพยาบาลภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)โดยควรตรวจหลังมีพฤติกรรมเสี่ยงประมาณ 1 เดือน หากผลตรวจพบว่ามีเชื้อเอชไอวี สามารถเข้าสู่ระบบการรักษาฟรี ครอบคลุมทุกสิทธิการรักษา ด้วยยาต้านไวรัสทันที (same day ART) ซึ่งจะช่วยลดโอกาส การเจ็บป่วยจากโรคติดเชื้อฉวยโอกาส เมื่อกินยาต้านไวรัสอย่างต่อเนื่อง ตรงเวลา และสม่ำเสมอ จะช่วยกดปริมาณไวรัสในกระแสเลือดได้สำเร็จ จนตรวจไม่พบ ไม่ถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีไปยังผู้อื่น

ลดการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ ลดการเสียชีวิตเนื่องจากเอดส์ สามารถใช้ชีวิตในสังคมได้ตามปกติ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี หากผลตรวจไม่พบเชื้อ จะได้รับคำปรึกษาและความรู้ที่ถูกต้อง ในการป้องกัน เช่น การใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี การใช้ยาป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อ (Pre-Exposure Prophylaxis หรือ PrEP) การใช้ยาป้องกันหลังการสัมผัสเชื้อ (Post-Exposure Prophylaxis หรือ PEP)

2.ตรวจง่าย ด้วยตนเอง ตรวจให้เป็นเรื่องปกติ ชุดตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวี ด้วยตนเอง (HIV self-test) เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ทำให้การตรวจเอชไอวีเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากสามารถตรวจได้ง่าย ใช้ตรวจหลังมีพฤติกรรมเสี่ยงมาประมาณ 90 วัน ปัจจุบันมี 2 ชนิด คือ ชุดตรวจที่ตรวจจากเลือดเจาะปลายนิ้ว รู้ผลภายใน 1 นาที และชุดตรวจที่ตรวจจากน้ำในช่องปาก รู้ผลภายใน 20 นาที ตรวจและทราบผลด้วยตนเองได้ทุกที่ ทุกเวลา มีความเป็นส่วนตัว และสามารถหาซื้อที่ร้านขายยาทั่วไป หากผลการตรวจด้วยตนเองเป็นบวก ควรตรวจยืนยันที่โรงพยาบาล เพื่อเข้าสู่ระบบการรักษาโดยเร็ว

3.ตรวจเอชไอวีให้เป็นเรื่องปกติ การตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวี เป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะทำให้ทราบสถานะการติดเชื้อของตนเอง ซึ่งถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบ ต่อตนเองและคู่ เนื่องจากการติดเชื้อเอชไอวี ไม่สามารถบ่งบอกจากภายนอกได้ว่า มีเชื้อหรือไม่ จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีเท่านั้น นอกจากนี้ยังสามารถเลือกตรวจด้วยตนเอง หรือตรวจที่โรงพยาบาล ช่วยตอบโจทย์ความต้องการให้กับประชาชน และทำให้การตรวจเอชไอวี เป็นเรื่องปกติ ซึ่งปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้เพิ่มบริการชุดตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง ในประเภทและขอบเขตบริการสาธารณสุขในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อให้ประชาชน สามารถรับบริการตรวจเอชไอวี ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เข้าถึงง่าย เข้าถึงได้เป็นเรื่องปติ

ทั้งนี้กรมควบคุมโรค โดยกองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แนะนำให้ประชาชนมีความตระหนัก ในการใช้ถุงยางอนามัยเสมอ ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ กับทุกคน ทุกช่องทาง ซึ่งนับเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ได้จัดทำข้อมูลและสื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความตระหนักให้การตรวจเอชไอวีเป็นเรื่องปกติ พร้อมเชิญชวนร่วมกิจกรรมรณรงค์ ผ่านช่องทางออนไลน์ เพจกองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ตลอดเดือนกรกฎาคม

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat