HEALTH

ม.มหิดล เตรียมเปิด ‘Sleep Lab’ ศึกษากลไกโรคนอนไม่หลับ

รศ.ดร.นพ.วรสิทธิ์ ศิริพรพาณิชย์ ศูนย์วิจัยประสาทวิทยาศาสตร์ สถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ใน 1 รอบของการนอนหลับของมนุษย์ใน 1 คืน อยู่ที่ประมาณรอบละ 90 นาที มีตั้งแต่การ ‘หลับตื้น’ สลับกับ ‘หลับลึก’ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สมองหลั่งฮอร์โมนที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตในเด็ก การสร้างความจำระยะยาว ตลอดจนกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันที่จำเป็นต่าง ๆ ของร่างกาย

อย่างไรก็ตาม ในรายที่ตื่นลืมตาพร้อมกับความรู้สึกง่วง ไม่กระปรี้กระเปร่า (Sleep Inertia) มักเกิดจากการถูกปลุกให้ตื่นกะทันหันจากห้วงนิทรารมณ์ในระยะนอนหลับลึก ซึ่งเป็นช่วงที่คลื่นสมองมีความถี่ช้าลง ซึ่งเป็นการนอนหลับที่ไม่ดี ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการในเด็กและก่อให้เกิดโรค NCDs ในผู้ใหญ่ โดยเฉพาะใน ‘ผู้ป่วยนอนกรนที่มีโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น’ (OSA – Obstructive Sleep Apnea) เพราะขณะนอนหลับ โดยธรรมชาติจะมีความดันโลหิตลดลง แต่จะได้รับการกระตุ้นเป็นระยะ ๆ เมื่อเกิดอาการหยุดหายใจขณะหลับ จะทำให้ความดันโลหิตไม่ลดลงตอนกลางคืน ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อการเป็นความดันโลหิตสูง และหัวใจเต้นผิดจังหวะ เกิดแนวโน้มของโรคหลอดเลือดสมอง

รศ.ดร.นพ.วรสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้การนอนกลางวันอาจจะเกิดขึ้นเป็นหลักในทารกและเด็กเล็ก แต่หากผู้ใหญ่มีความง่วงนอน ก็สามารถงีบหลับได้ ควรเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่เกิน 15 นาที เพื่อให้สดชื่น และป้องกันไม่ให้เกิด ‘Sleep Inertia’ แต่ถ้าง่วงนอนตอนกลางวันบ่อย ๆ อาจส่งผลให้คุณภาพการนอนตอนกลางคืนไม่ดี เพราะการนอนตอนกลางคืนจะทำให้สมองและร่างกายในผู้ใหญ่ได้รับการฟื้นฟูซ่อมแซมให้พร้อมทำงานต่อไป ตลอดจนช่วยป้องกัน ‘ภาวะสมองเสื่อม’ ได้อีกด้วย

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยประสาทวิทยาศาสตร์ สถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล เตรียมจัดสร้าง “Sleep and Chronobiology Lab” เพื่อตรวจวิจัยด้านการนอนหลับและศึกษาเกี่ยวกับกลไกนาฬิกาชีวภาพของมนุษย์ โดยมีแพทย์ อาจารย์ นักวิทยาศาสตร์ และนักตรวจการนอนหลับตามมาตรฐานโลก นำไปสู่การเป็นแหล่งค้นคว้าและวิจัยกระบวนการเกิดโรคและกลไกการรักษาโรคการนอนหลับชนิดต่าง ๆ เพื่อให้คนไทยได้มีชีวิตที่ดีขึ้นจากการนอนหลับที่มีคุณภาพ ในอีกไม่เกิน 1 ปีข้างหน้า

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat