กรมการแพทย์ เตือน ‘อะเฟเซีย’ ภาวะทางสมองที่ส่งผลต่อการสื่อสาร แนะหากพบอาการ ควรพบแพทย์

วันนี้ (17 ต.ค. 66) แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า อะเฟเซียเป็นกลุ่มอาการทางระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียความสามารถของสมองในการสื่อสารด้วยภาษา ผู้ป่วยจะมีความบกพร่องในการใช้ภาษา แบ่งกลุ่มอาการออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่ม 1 เป็นความผิดปกติด้านการสั่งการด้วยภาษา เช่น พูดไม่ออก สะกดคำผิด เขียนไม่ได้ เขียนไม่เป็นคำ เรียกชื่อสิ่งของไม่ถูก
กลุ่ม 2 ความผิดปกติด้านความเข้าใจภาษา เช่น ฟังไม่เข้าใจ อ่านไม่เข้าใจ
กลุ่ม 3 ความผิดปกติทั้งด้านการสั่งการด้วยภาษาและความเข้าใจภาษา ทำให้มีลักษณะเงียบ เฉยเมย ไม่พูด และไม่เข้าใจภาษา
อย่างไรก็ตาม หากพบอาการแสดงจากภาวะอะเฟเซีย และได้รับการรักษาตั้งแต่เริ่มแรก จะให้ผลการรักษาดีกว่าการปล่อยอาการไว้ในระยะเวลานาน ควรมาพบแพทย์ประเมินหาสาเหตุเพื่อการรักษาที่ถูกต้องต่อไป
นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กล่าวว่า อาการอะเฟเซียเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การบาดเจ็บที่สมองที่ควบคุมความสามารถด้านภาษา โรคหลอดเลือดสมอง สมองอักเสบ เนื้องอกในระบบประสาท สมองเสื่อม เป็นต้น การวินิจฉัยต้องทำการซักประวัติอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุที่เกี่ยวข้อง โดยสาเหตุจะแตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละราย เช่นเดียวกับแนวทางการป้องกันและการรักษา จะขึ้นกับสาเหตุของโรคที่เป็นด้วย นอกจากรักษาที่สาเหตุแล้ว ผู้ป่วยจะต้องได้รับการบำบัดฟื้นฟู การใช้ภาษา และการสื่อสารร่วมด้วย
สำหับผู้ป่วยอะเฟเซียที่สามารถฟื้นฟูได้ เช่น อาการอะเฟเซียจากอุบัติเหตุ หรือจากโรคหลอดเลือดสมอง หากอาการไม่รุนแรงมาก สามารถทำการบำบัดให้อาการดีขึ้นหรือทุเลาลงได้ด้วยการทำอรรถบำบัด ฝึกการพูด อย่างไรก็ตาม สาเหตุของโรคทางระบบประสาทบางสาเหตุ เช่น สมองเสื่อม ผู้ป่วยที่มีอาการอะเฟเซียจากสมองเสื่อมจะมีอาการถดถอยลง การดูแลรักษาจะเป็นการประคับประคองอาการของผู้ป่วยเป็นหลัก โดยให้ข้อมูลในการดูแลแก่ญาติหรือคนใกล้ชิด