เตือน ผู้ป่วยโรคเบาหวาน-ความดันโลหิตสูง หลังพบ 1 ใน 25 กลายเป็นผู้ป่วยไตเรื้อรัง

กรมควบคุมโรค เตือน ผู้ป่วยโรคเบาหวาน-ความดันโลหิตสูง ควบคุมโรคให้อยู่ในระดับปกติ หลังข้อมูลปี 2565 พบ 1 ใน 25 ของผู้ป่วยโรคเบาวหวาน และความดันฯ สูง กลายเป็นผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังรายใหม่
วันนี้ (9 มี.ค. 66) นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ร่วมกับภาคีเครือข่าย รณรงค์วันไตโลก ปี 2566 ภายใต้คำขวัญ “ตระหนักภัย ใส่ใจไต ป้องกันไว้ เน้นกลุ่มเสี่ยงโรคไตเรื้อรัง” โดยมุ่งเน้นการสร้างความตระหนัก ให้ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และควบคุมความดันโลหิตให้ดี โดยจากข้อมูลปี 2565 มีรายงานพบว่า 1 ใน 25 ของผู้ป่วยโรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง กลายเป็นผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังรายใหม่
นายแพทย์ธเรศ กล่าวว่า “องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้กำหนดให้วันพฤหัสบดีในสัปดาห์ที่สอง ของเดือนมีนาคมของทุกปีเป็น ”วันไตโลก” (World Kidney day) ซึ่งปีนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 9 มี.ค. 2566 สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย ได้กำหนดประเด็นรณรงค์ คือ “Kidney Health For All- preparing for the unexpected, supporting the vulnerable : ตระหนักภัย ใส่ใจไต ป้องกันไว้ เน้นกลุ่มเสี่ยง” โดย 1 ใน 10 ของประชากรทั่วโลกมีการทำงานของไตผิดปกติ และพบว่ามีผู้เสียชีวิตประมาณ 1 ล้านคน มีสาเหตุมาจากการไม่ได้ เข้ารับการรักษาโรคไตวายเรื้อรัง
สำหรับประเทศไทยสถานการณ์ ของโรคไตเรื้อรังในประชากรไทย เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนับเป็นปัญหาสาธารณสุข และมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ของประเทศเป็นอย่างมาก จากระบบคลังข้อมูลด้านการแพทย์และสาธารณสุข ในปี 2565 พบว่า 1 ใน 25 ของผู้ป่วยโรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง กลายเป็นผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังรายใหม่ มีผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะ 3 จำนวน 420,212 ราย ระยะ 4 จำนวน 420,212 ราย และระยะที่ 5 ที่ต้องล้างไตมากถึง 62,386 ราย”
“กรมควบคุมโรค จึงมุ่งเน้นการสร้างความตระหนัก ให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ควบคุมความดันโลหิตให้ดี เพื่อลดการเกิดผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังรายใหม่ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการควบคุมความดันโลหิต และระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี รวมถึงการใช้ยาไม่ถูกต้อง การรับประทานยาชุด ยาแก้ปวด ยาสมุนไพรบางชนิดต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน คนเราสามารถสูญเสียการทำงานของไต ได้ถึง 90% ก่อนที่จะมีอาการใดๆ”
นายแพทย์อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า “โรคไตเรื้อรังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และอาจทำให้ผู้ป่วยต้องได้รับการดูแลไปตลอดชีวิต การป้องกันโรคไตวายเรื้อรังสามารถทำได้โดย การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ให้น้อยกว่า 130 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร และน้ำตาลสะสมในเลือดน้อยกว่า 7% รวมทั้งควบคุมระดับความดันโลหิตให้ต่ำกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท ควบคุมการรับประทานเกลือไม่น้อยกว่า 5 กรัม/วัน หรือเกลือแกงไม่เกิน 1 ช้อนชา/วัน งดการรับประทานยาชุดแก้ปวด ยาสมุนไพร ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน และใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์”
“สำหรับแนวทางการการชะลอความเสื่อมของไต ในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังมิให้กลายเป็น ไตวายเรื้อรังเร็วเกินควร คือ การสร้างความรู้และความตระหนักเกี่ยวกับโรคไต เน้นการจัดการความเสี่ยงของการเกิดโรคไตในชุมชน เพื่อให้ประชาชนมีความรอบรู้ด้านสุขภาพ สามารถดูแลป้องกันตนเองและสมาชิกในครอบครัวไม่ให้ป่วยเป็นโรคไต และให้ผู้ป่วยได้รับบริการที่มีคุณภาพ รวมทั้งพัฒนาชุดสิทธิประโยชน์การคัดกรองความเสี่ยงโรคไต ควบคู่กับการคัดกรองโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน”