เผยสถิติเด็กจมน้ำเสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 2 ราย แนะสนับสนุนเด็กเรียนว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด
วันนี้ (3 มี.ค. 66) นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยสถิติเด็กจมน้ำเสียชีวิต ช่วงปิดเทอมหน้าร้อน ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบสูงถึง 953 ราย เฉลี่ยวันละ 2 ราย ส่วนใหญ่เกิดเหตุในช่วงเดือนเมษายน และเกิดเหตุจากแหล่งน้ำธรรมชาติมากที่สุด แนะผู้ปกครองสนับสนุนบุตรหลานที่อายุ 6 ปีขึ้นไป เรียนว่ายน้ำ เพื่อเอาชีวิตรอด และหากทำกิจกรรมทางน้ำ ควรสวมเสื้อชูชีพหรือใช้อุปกรณ์ลอยน้ำช่วย
นายแพทย์ธเรศ กล่าวว่า “ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูร้อนและเป็นช่วงที่เด็กปิดเทอม เด็กๆอาจชวนกันไปเล่นน้ำตามลำพัง โดยขาดการดูแลจากผู้ปกครอง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุจมน้ำได้ ข้อมูลในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2561-2565) มีเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จมน้ำเสียชีวิตในช่วงฤดูร้อน ซึ่งตรงกับช่วงปิดเทอม (เดือนมีนาคม-พฤษภาคม) จำนวน 953 ราย เฉลี่ยวันละ 2 ราย เดือนเมษายนพบเหตุการณ์จมน้ำมากที่สุด 65 ราย รองลงมาคือเดือนมีนาคม 64 ราย และเดือนพฤษภาคม 63 ราย”
โดยมีจังหวัดที่มีเด็กจมน้ำเสียชีวิต มากกว่า 10 รายถึง 40 จังหวัด เสียชีวิต 6-10 ราย มี 19 จังหวัด เสียชีวิต 2-5 รายมี 16 จังหวัด และมีเพียง 2 จังหวัดที่เสียชีวิตน้อยกว่า 2 ราย ได้แก่ จังหวัดระนอง และลำพูน แหล่งน้ำที่พบว่าเด็กจมน้ำมากที่สุด คือ แหล่งน้ำตามธรรมชาติ (ร้อยละ 76.5) เขื่อน/อ่างเก็บน้ำ/ฝาย (11.1) ทะเล (5.3) ภาชนะภายในบ้าน (3.5) และสระว่ายน้ำ/สวนน้ำ (1.8) โดยสาเหตุหลักเกิดจากการเล่นน้ำมากที่สุด (ร้อยละ59.4) รองลงมาคือ พลัดตกลื่น (21.5) ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ ขาดการดูแลจากผู้ปกครอง และขาดความรู้เรื่องแหล่งน้ำเสี่ยง
ทั้งนี้ 10 จังหวัดแรกที่มีเด็กจมน้ำเสียชีวิตสูงที่สุด ในช่วงฤดูร้อน ปี 2561-2565 ได้แก่ บุรีรัมย์ (45 ราย),อุดรธานี (38 ราย),นครราชสีมา (37 ราย),สุรินทร์ (30 ราย),ร้อยเอ็ด (28 ราย),สกลนคร (28 ราย),นครสวรรค์ (26 ราย),ขอนแก่น (25 ราย),นครศรีธรรมราช (25 ราย) และปัตตานี (24 ราย) โดย 7 ใน 10 จังหวัดอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กลุ่มอายุที่จมน้ำเสียชีวิตสูงที่สุด คือเด็กอายุ 5-9 ปี (ร้อยละ 42.1) รองลงมาคือ อายุ 0-4 ปี (31.5) และอายุ 10-14 ปี (26.4) เพศชายจมน้ำสูงกว่าเพศหญิงถึง 2.2 เท่าตัว
ด้าน นายแพทย์อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า “กรมควบคุมโรค มีคำแนะนำสำหรับผู้ปกครองในหน้าร้อนนี้ คือ
1.เด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป ควรได้เรียนว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด เนื่องจากในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด 19 ที่ผ่านมา เด็กขาดโอกาสในการเรียนว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด และวิธีการช่วยเหลือคนตกน้ำหรือจมน้ำที่ถูกต้อง
2.เด็กเล็กต้องอยู่ในระยะที่แขนเอื้อมถึงหรือคว้าถึง ผู้ปกครองควรดูแลอย่างใกล้ชิด
3.ขอแนะนำให้ประชาชนทุกคนสวมเสื้อชูชีพ หรือใช้อุปกรณ์ลอยน้ำได้อย่างง่าย เช่น ถังแกลลอนพลาสติกเปล่า ขวดน้ำพลาสติกเปล่า ทุกครั้งที่เดินทางหรือทำกิจกรรมทางน้ำ
“ทั้งนี้ชุมชนควรมีการเฝ้าระวังแหล่งน้ำ ที่มีความเสี่ยงในชุมชน ห้ามให้เด็กลงไปเล่นน้ำตามลำพังโดยเด็ดขาด และสถานที่ที่เปิดให้บริการเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำ ต้องจัดให้มีอุปกรณ์ช่วยคนตกน้ำบริเวณแหล่งน้ำที่เพียงพอเข้าถึงได้ง่าย กำหนดบริเวณสำหรับเล่นน้ำ มีเจ้าหน้าที่ lifeguard คอยดูแล แบ่งเขตพื้นที่สำหรับเล่นน้ำ หรือทำกิจกรรมทางน้ำที่ปลอดภัย ติดป้ายแจ้งเตือน เช่น ห้ามลงเล่นน้ำ น้ำลึก น้ำวน และจัดให้มีอุปกรณ์ช่วยคนตกน้ำบริเวณแหล่งน้ำ และป้ายขอความช่วยเหลือ เบอร์ 199 หรือหากได้รับบาดเจ็บให้ โทร 1669”