“ช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝน อาจจะมีการระบาดของไข้หวัดใหญ่ เราไม่ต้องการให้มีการระบาดทั้งโควิด และไข้หวัดใหญ่ จึงได้นำวัคซีนมาให้บุคลากรทางการแพทย์ เป็นความห่วงใยจากที่เราทำงานร่วมกัน และเพื่อปกป้องไม่ให้ป่วย จะได้ช่วยกันดูแลรักษาผู้ป่วยโรคโควิด 19 แม้ว่าจะพบผู้ป่วยลดลงแล้วก็ตาม แต่การ์ดต้องไม่ตกในมาตรการที่รัฐบาลคลายล็อค ต้องมั่นใจว่าการควบคุมโรคยังคงประสิทธิภาพต่อไป ทุกคนจะต้องเข้าสู่วิถีการใช้ชีวิตแบบใหม่ให้เป็นปกติ New Normal” นายอนุทินกล่าว
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับในกลุ่มประชาชน กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) รณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคทั้งประเทศ จำนวน 4.11 ล้านโด๊ส ให้กับประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ 1.หญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป 2.เด็กอายุ 6 เดือนถึง 2 ปี 3.ผู้มีโรคเรื้อรัง (ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ในระหว่างได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน) 4.บุคคลอายุ 65 ปีขึ้นไป 5.ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ 6.โรคธาลัสซีเมียและผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ และ 7.ผู้ที่เป็นโรคอ้วน ซึ่งปีที่ผ่านมามีผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ จำนวน 390,733 ราย และเสียชีวิต 27 ราย
ทั้งนี้ การรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม – 31 สิงหาคม 2563 ซึ่งเร็วกว่าปีที่ผ่านมา 1 เดือน เพื่อช่วยให้กลุ่มเสี่ยงได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคเร็วขึ้นเพื่อประโยชน์ในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ และเป็นการลดภาระการดูแลผู้ป่วยส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะถ้าหากโรคโควิด-19 กลับมาระบาดเพิ่มขึ้นหลังผ่อนปรนมาตรการล็อคดาวน์ จะได้มีทรัพยากรทางแพทย์ดูแลรักษาผู้ป่วยได้เพียงพอ