ECONOMY

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผย จดทะเบียนตั้งใหม่ พ.ค. 67 บวกต่อเนื่อง

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผย จดทะเบียนตั้งใหม่เดือนพฤษภาคม 67 บวกต่อเนื่อง จับตา ‘ธุรกิจของเล่น’ พลิกรายได้โตไว หลังกระแส Art Toy เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ใหญ่

วันนี้ (26 มิ.ย. 67) นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในเดือนพฤษภาคม 2567 มีนิติบุคคลที่จดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่จำนวน 7,499 ราย เพิ่มขึ้น 969 ราย คิดเป็น 14.84% เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2567 และเพิ่มขึ้น 62 ราย เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2566 โดยมีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 21,887.12 ล้านบาท ลดลง 5,384.75 ล้านบาท คิดเป็น 19.74% เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2567 และลดลง 6,527.35 คิดเป็น 22.97% เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2566

สำหรับธุรกิจที่จัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 662 ราย ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 543 ราย และ ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 353 ราย คิดเป็น 8.83%, 7.24% และ 4.71% ของจำนวนการจัดตั้งธุรกิจใหม่ในเดือนพฤษภาคม 2567 ตามลำดับ

ด้านการจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการ มีจำนวน 1,004 ราย เพิ่มขึ้น 194 ราย คิดเป็น 23.95% เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2567 และลดลง 230 ราย คิดเป็น 18.64% เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2566 โดยมีทุนจดทะเบียนเลิกอยู่ที่ 54,804.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49,707.54 ล้านบาท คิดเป็น 975.26% เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2567 และเพิ่มขึ้น 46,564.47 ล้านบาท คิดเป็น 565.11% เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2566

ทั้งนี้ มูลค่าทุนจดทะเบียนเลิกสูงผิดปกติเป็นผลมาจากการเลิกประกอบกิจการของ 2 บริษัทขนาดใหญ่เนื่องจากมีการปรับโครงสร้างการดำเนินงานของธุรกิจให้คล่องตัวยิ่งขึ้น สำหรับธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการ 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 98 ราย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 59 ราย และธุรกิจให้คำปรึกษาด้านการบริหารจัดการอื่นๆ 25 ราย คิดเป็น 9.76%, 5.88% และ 2.49% ของจำนวนการเลิกประกอบกิจการเดือนพฤษภาคม 2567 ตามลำดับ

ข้อมูลเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 67 มีธุรกิจที่จดทะเบียนนิติบุคคลรวมทั้งสิ้น 1,916,267 ราย โดยจำนวนนี้เป็นนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ 916,634 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 22.26 ล้านล้านบาท แบ่งออกเป็นบริษัทจำกัด 714,143 ราย คิดเป็น 77.91% ของจำนวนนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ทั้งหมด ทุนจดทะเบียน 16.02 ล้านล้านบาท ห้างหุ้นส่วนจำกัดและห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 201,031 ราย คิดเป็น 21.93% ของจำนวนนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ทั้งหมด ทุนจดทะเบียน 0.47 ล้านล้านบาท และบริษัทมหาชนจำกัด 1,460 ราย คิดเป็น 0.16% ของจำนวนนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการอยู่ทั้งหมด ทุนจดทะเบียน 5.77 ล้านล้านบาท

ปี 2567 มีนิติบุคคลที่ต้องนำส่งงบการเงินอยู่ทั้งหมดจำนวน 835,011 ราย ในจำนวนนี้เป็นนิติบุคคลที่มีรอบปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566 จำนวน 671,823 ราย และต้องนำส่งงบการเงินภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 คิดเป็น 80% ของนิติบุคคลทั้งหมดที่ต้องนำส่งงบการเงิน โดยนำส่งงบการเงินตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด 581,856 ราย คิดเป็น 86.6% ในจำนวนนี้ยังมีนิติบุคคลที่ไม่ได้นำส่งอีกจำนวน 89,967 ราย คิดเป็น 13.4%

จากการนำส่งงบการเงินประจำปี 2566 กรมฯ นำข้อมูลผลประกอบการของนิติบุคคลมาวิเคราะห์ในเชิงธุรกิจพบว่า รายได้ของนิติบุคคลทั่วประเทศมีจำนวนกว่า 57.86 ล้านล้านบาท และมีผลกำไรกว่า 2.34 ล้านล้านบาท โดยกลุ่มภาคการผลิต สามารถทำรายได้สูงสุดจำนวน 23.72 ล้านล้านบาท คิดเป็น 41% ของรายได้ทั้งหมด เป็นผลกำไรจำนวน 1.10 ล้านล้านบาท รองลงมาคือกลุ่มภาคขายส่ง/ปลีก ทำรายได้ 23.32 ล้านล้านบาท คิดเป็น 40.30% ของรายได้ทั้งหมด ทำกำไรอยู่ที่ 0.46 ล้านล้านบาท และกลุ่มภาคบริการ ทำรายได้จำนวน 10.82 ล้านล้านบาท คิดเป็น 18.70% ของรายได้ทั้งหมด เป็นผลกำไรจำนวน 0.78 ล้านล้านบาท

นอกจากนี้ กรมฯ ยังวิเคราะห์ต่อเนื่องลงลึกไปถึงรายธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้สูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่

1.ธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากโรงกลั่นปิโตรเลี่ยม ทำรายได้ 3.84 ล้านล้านบาท

2.ธุรกิจขายส่งนาฬิกาและเครื่องประดับ ทำรายได้ 3.12 ล้านล้านบาท

3.ธุรกิจร้านขายปลีกเครื่องประดับ ทำรายได้ 2.39 ล้านล้านบาท

4.ธุรกิจผลิตรถยนต์ส่วนบุคคล ทำรายได้ 1.56 ล้านล้านบาท

5.ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ สำหรับยานยนต์ ทำรายได้ 1.55 ล้านล้านบาท

6.ธุรกิจขายยานยนต์ใหม่ชนิดรถนั่งส่วนบุคคลฯ ทำรายได้ 1.45 ล้านล้านบาท

7.ธนาคารพาณิชย์ ทำรายได้ 1.11 ล้านล้านบาท

8.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำรายได้ 1.07 ล้านล้านบาท

9.ธุรกิจขายปลีกเชื้อเพลิงยานยนต์ในร้านเฉพาะสถานีบริการน้ำมัน ทำรายได้ 1.02 ล้านล้านบาท

10.ธุรกิจขายส่งเชื้อเพลิงเหลว ทำรายได้ 0.96 ล้านล้านบาท

‘ธุรกิจของเล่น’ กลายเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ต้องจับตามอง แม้ใช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2562-2566) ธุรกิจของเล่นจะเติบโตผันผวนเพราะมีปัจจัยด้านการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่เมื่อสถานการณ์สงบลงธุรกิจสามารถกลับมาฟื้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กที่ครองตลาดส่วนใหญ่ 1,024 ราย แบ่งเป็นกลุ่มผู้ผลิต 220 ราย และกลุ่มขาย 804 ราย คิดเป็น 93.7% จากจำนวนธุรกิจของเล่นที่มีจำนวน 1,093 ราย มีมูลค่าทุนจดทะเบียนทั้งหมด 5,692.21 ล้านบาท

สำหรับปี 2566 ธุรกิจของเล่นสามารถสร้างรายได้รวมถึง 19,677.21 ล้านบาท และทำกำไรได้ 467.62 ล้านบาท การเติบโตของธุรกิจของเล่นส่วนสำคัญเป็นผลมาจากการเกิดกลุ่มในวงการของเล่นที่เรียกว่า Kidult ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ใหญ่ที่มีความนิยมในการสะสมของเล่นและมีกำลังการซื้อสูงเพื่อตอบสนองความต้องการในวัยเด็ก และการสะสมเพื่อสร้างรายได้ในอนาคต

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat