ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองเศรษฐกิจไทยปี 67 มีแนวโน้มขยายตัวที่ 3.1% คาดหากมี Digital Wallet จะโตที่ 3.6%
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2566 ลงมาอยู่ที่ 2.5% จาก 3.0% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังได้รับผลกระทบจากการที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่ยังคงเผชิญกับปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์อยู่ คาดปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวที่ 3.1% และหากรวมกับมาตรการ Digital Wallet คาดว่าจะโตได้ 3.6%
นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกยังชะลอตัวต่อเนื่อง ส่งผลกระทบกับการค้าโลก สะท้อนจากภาคการผลิตที่ชะลอตัวทั่วโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนและเยอรมนีที่พึ่งพาการส่งออกสูง นอกจากนี้ จีนยังคงเผชิญกับปัญหาด้านอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลลบกับอุปสงค์ภายในประเทศ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังประเมินว่าเศรษฐกิจที่ยังขยายตัวได้ดีอยู่ ส่งผลให้เฟดมีแนวโน้มที่จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงในปี 2567 แม้ตลาดการเงินมองว่ามีโอกาสที่เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยนโยบายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มโตต่ำกว่าคาด โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับลดประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปี 2566 จาก 3.0% ลงมาอยู่ที่ 2.5% เนื่องจากเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่ยังชะลอตัวต่อเนื่อง ส่งผลกระทบกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่มองว่าจะเข้ามาเพียง 27.6 ล้านคนในปี 2566 แม้ว่าการส่งออกสินค้าที่จะหดตัวน้อยกว่าที่เคยประเมินไว้ที่ -1.3% จาก -2.5%
นอกจากนี้ อุปสงค์ในประเทศยังได้รับผลจากการท่องเที่ยวที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ รวมถึงภาคการผลิตที่ยังชะลอต่อเนื่อง และหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง สะท้อนจากยอดขายรถยนต์ในประเทศที่หดตัวหลายเดือนติดต่อกัน และเงินเฟ้อพื้นฐานที่ปรับตัวต่ำกว่ากรอบเงินเฟ้อของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ธปท. ได้สิ้นสุดวัฎจักรดอกเบี้ยขาขึ้นไปแล้วที่ 2.5%
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยในปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวที่ 3.1% จากภาครัฐบาลทั้งทางการลงทุนและการบริโกค และการส่งออกสินค้าที่คาดว่าขยายตัว 2% รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 30.6 ล้านคน จาก 27.6 ล้านคนในปี 2566 และหากรวมกับมาตรการ Digital Wallet คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะโตได้ 3.6% ส่วนประมาณการอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ระดับ 0.8% จากราคาน้ำมันที่มองว่าปีหน้าจะมีค่าเฉลี่ยที่ 72.5 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล
ในบริบทที่การค้าโลกมีนโยบายกีดกันการค้ายังเข้มข้นอยู่ และอุตสาหกรรมรถยนต์ที่กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงจากรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมมากขึ้น ส่งผลให้ประเทศไทยมีโอกาสที่จะพัฒนาเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาคได้ และผลจากการย้ายฐานการผลิตในอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ จะทำให้ประเทศไทยมีเครื่องจักรใหม่ ๆ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคตอันใกล้