ธนาคารโลก เผยเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกขยายตัวสูงขึ้นในปี 2567
ธนาคารโลก เปิดเผยรายงานอัพเดตเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ตุลาคม 2566 พบว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาคปีนี้ สูงกว่าการขยายตัวเฉลี่ยที่คาดการณ์ไว้สำหรับประเทศตลาดเกิดใหม่ และประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ทั้งหมด โดยการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 5.1 และเศรษฐกิจของภูมิภาคที่ไม่รวมจีนจะอยู่ที่ร้อยละ 4.6
ในปี 2567 สถานการณ์ภายนอกที่ดีขึ้นจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ยกเว้นประเทศจีนที่ยังมีปัญหาภายในประเทศจากการฟื้นตัวหลังการกลับมาเปิดประเทศ ภาระหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น ความอ่อนแอของภาคอสังหาริมทรัพย์ และปัจจัยเชิงโครงสร้าง เช่น การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยจะชะลอตัวลงเหลือร้อยละ 4.4 ในปี 2567 ส่วนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศที่เหลือในภูมิภาคคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 4.7 ในปี 2567
มานูเอลา วี. เฟอร์โร รองประธานธนาคารโลกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก กล่าวว่าภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกยังคงเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและมีพลวัตมากที่สุดในโลก
ทั้งนี้ ภาคบริการกำลังมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาในภูมิภาคเพิ่มขึ้น จากเดิมที่พึ่งพาภาคการผลิตเป็นหลัก โดยภาคบริการกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการขยายตัวของผลิตภาพแรงงาน การส่งออกบริการขยายตัวเร็วกว่าการส่งออกสินค้า และการขยายตัวของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในด้านบริการอยู่ในระดับที่สูงกว่าด้านการผลิตถึง 5 เท่า ในประเทศจีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย
นอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างรวดเร็วและการปฏิรูปด้านบริการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจให้ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มศักยภาพของประชาชนในการใช้ประโยชน์จากโอกาสดังกล่าว ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาในภูมิภาค
