CRIME

CIB รวบ 6 ผู้ต้องหา อ้างเป็นประธานโครงการหลวง หลอกให้ร่วมลงทุน พบเงินหมุนเวียนกว่า 269 ล้าน

เจ้าหน้าที่ บก.ปอศ. จับกุม 6 ผู้ต้องหา แอบอ้างเป็นประธานโครงการมูลนิธิชัยพัฒนา และโครงการอื่น ๆ หลอกให้ร่วมลงทุนในโครงการหลวง อ้างให้ผลตอบแทนดี ก่อนจะนำเงินโอนย้ายเข้าบัญชีบริษัท นำไปใช้บริหารธุรกิจ และซื้อทรัพย์สิน พบผู้หลงเชื่อโอนเงินกว่า 900 รายกว่า มูลค่ารวมกว่า 269 ล้านบาท

สืบเนื่องจาก เมื่อเดือนเมษายน 2565 ต่อเนื่องจนถึงเดือนกรกฎาคม 2566 นางชยาวรรณ ผู้ต้องหา แอบอ้างว่าเป็นประธานโครงการมูลนิธิชัยพัฒนา มูลนิธิภูบดินทร์ในพระบรมราชปถัมภ์ และมูลนิธิราชสกุลอาภากรฯ มีหน้าที่ถือสมุดบัญชีและบริหารโครงการต่าง ๆ ประมาณ 28 โครงการ โดยชักชวนประชาชนทั่วไปให้สมัครสมาชิกกรรมาธิการโครงการหลวง และชักชวนให้ลงทุน อ้างให้ผลตอบแทนสูง เช่น ลงทุน 10,000 บาท ได้รับผลตอบแทน 4-5 ล้านบาท มีผู้เสียหายหลงเชื่อร่วมลงทุน แต่เมื่อทักท้วงเรื่องเงิน จะถูกบ่ายเบี่ยงเรื่อยมาจนเชื่อว่าถูกหลอกลวง จึงมาพบพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นางชยาวรรณ และพวก

ต่อมาเมื่อวันที่ 26 ม.ค. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปอศ. นำกำลังเข้าตรวจค้นจำนวน 7 จุด ในพื้นที่ กทม. ฉะเชิงเทรา ลพบุรี นครศรีธรรมราช และสงขลา สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้ง 6 ราย ประกอบด้วย

1.นางชยาวรรณ อายุ 60 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ที่ 24/67 ลง 22 ม.ค.67 สถานที่จับกุม บ้านพักในพื้นที่ ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ จ.สงขลา

2.นายวิโรจน์ อายุ 56 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ที่ 28/67 ลง 22 ม.ค.67 สถานที่จับกุม บ้านพักในพื้นที่ ต.ท่าขึ้น อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช

3.นางพิชญา อายุ 27 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ที่ 27/67 ลง 22 ม.ค.67 สถานที่จับกุม บ้านพักในพื้นที่ ต.ท่าขึ้น อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช

4.นายสิงขร อายุ 53 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ที่ 26/67 ลง 22 ม.ค.67 สถานที่จับกุม บ้านพักในพื้นที่ ต.บางตีนเป็ด อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา

5.นายจารุเดช หรือเสกสรร อายุ 41 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ที่ 25/67 ลง 22 ม.ค.67 สถานที่จับกุม บ้านพักในพื้นที่ ถ.พัฒนาการ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร

6.นางไก่แก้ว อายุ 55 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ที่ 29/67 ลง 22 ม.ค.67 สถานที่จับกุม บ้านพักในพื้นที่ ม.10 ต.วังเพลิง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี

ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย ถูกจับกุมในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”

จากการตรวจยึดพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงทรัพย์สินที่น่าเชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิด พบจำนวนกว่า 100 รายการ เช่น สมุดบัญชี 54 เล่ม รถยนต์หรู 3 คัน คอมพิวเตอร์ 17 เครื่อง กระเป๋าแบรนด์เนม 5 ใบ นาฬิกาหรู 2 เรือน แหวนเพชร 1 วง กล้อง DSLR 5 ตัว เหรียญเฉลิมพระชนพรรษา 100 ชิ้น โฉนดที่ดิน 4 ฉบับ ในพื้นที่ จ.พัทลุง จ.สงขลา มูลค่ากว่ารวม 16 ล้านบาท นำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สำหรับพฤติการณ์การกระทำความผิดของผู้ต้องหากลุ่มนี้ มีลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ โดยนายจารุเดช เป็นผู้อยู่เบื้องหลังและได้รับผลประโยชน์ส่วนใหญ่ สั่งการให้นางชยาวรรณซึ่งเป็นอดีตพนักงานบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง อ้างตนเป็นผู้ดูแลประสานงานของมูลนิธิฯ ชักชวนผู้เสียหายเข้ากลุ่มไลน์ต่าง ๆ ที่มีนางชยาวรรณ กับพวก ส่งภาพถ่ายว่าเป็นการประชุมของมูลนิธิฯ บางครั้งแอบอ้างว่าเป็นการประชุมกับผู้ใหญ่รัฐบาล มีประชาชนหลงเชื่อเข้าเป็นสมาชิกในไลน์กลุ่ม และโอนเงินให้ นางชยาวรรณ จำนวน 900 กว่าราย เป็นเงินประมาณ 269 ล้านบาท

ทั้งนี้ นางชยาวรรณใช้บัญชีของตนรับเงินจากผู้เสียหาย ก่อนจะโอนต่อไปยังบัญชีของนางไก่แก้ว จากนั้นนายจารุเดซจะสั่งการให้นางไก่แก้วโอนเงินมาให้ตน แล้วโอนต่อจะกระจายไปยังบัญชีบริษัทต่าง ๆ ของตนอีก จำนวน 4 บริษัท ได้แก่ บริษัทถ่ายทำภาพยนตร์และผลิตสื่อมีเดีย บริษัทเพลง บริษัทผลิตเครื่องดื่ม และเครื่องสำอาง โดยนำเงินที่ได้มาใช้บริหารธุรกิจ ซื้อทรัพย์สินต่าง ๆ เข้าข่ายผิดกฎหมายฟอกเงิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปอศ. จะตรวจสอบทรัพย์สินของกลุ่มผู้ต้องหาเพิ่มเติม เพื่อดำเนินคดีจนถึงที่สุด

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat