CRIME

ปอท. แถลงเปิดปฏิบัติการกวาดล้างผู้ค้าอาวุธปืนผ่านโซเชียล

วันนี้ (28 พ.ย. 66) เวลา 10:30 น. กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นำโดย พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.กฤษฎาพร ปานโปร่ง รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.2 บก.ปอท. และ พ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ รอง ผกก.2 บก.ปอท. แถลงผลการเปิดปฏิบัติการกวาดล้างผู้ค้าอาวุธปืนผ่านโซเชียลใน 3 เคส พร้อมตรวจค้นกว่า 21 จุด ทั่วประเทศ และจับกุมผู้ต้องหาได้ 16 ราย โดยหนึ่งในนี้เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหาร่วมกันมีและจำหน่ายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต จากการจำหน่ายเครื่องกระสุนให้กับเยาวชนอายุ 14 ปี ผู้ก่อเหตุกราดยิงในศูนย์การค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา

สืบเนื่องจากปัญหาการลักลอบซื้อขายอาวุธปืนเครื่องกระสุนที่มีอย่างแพร่หลายตามช่องทางต่าง ๆ ของออนไลน์ จนนำมาสู่การก่อเหตุอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในสังคมเป็นอย่างมาก รวมทั้งมีบางกรณีที่เป็นการหลอกลวงฉ้อโกงเหยื่อว่า มีการซื้อขายอาวุธปืน แต่สุดท้ายไม่มีการส่งสินค้าให้จริง

เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอท. จึงร่วมบูรณาการกับหลายหน่วยงานของตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการกวาดล้างผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการจำหน่ายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนผ่านโซเชียลมีเดีย จำนวน 3 กรณี ได้แก่ กรณีการตรวจต้นจับกุมกลุ่มเครือข่ายลักลอบซื้อขายอาวุธปืนผ่านสื่อสังคมออนไลน์, กรณีหลอกลวงซื้อขายอาวุธปืนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ และการปิดกั้น URL ที่มีการประกาศขายอาวุธปืนผ่านสังคมออนไลน์

เคสแรก ปฏิบัติการตรวจค้นจับกุมกลุ่มเครือข่ายที่ลักลอบซื้อขายอาวุธปืนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยสนธิกำลังเข้าตรวจค้นสถานที่ที่เชื่อได้ว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มซื้อ-ขายอาวุธปืนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ 21 จุด ใน 12 จังหวัด ประกอบไปด้วย กรุงเทพมหานคร, ปทุมธานี, นนทบุรี, สมุทรสาคร, สมุทรปราการ, พระนครศรีอยุธยา, ชลบุรี, อุดรธานี, พิจิตร, เชียงใหม่, กาญจนบุรี และนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

สำหรับผลปฏิบัติการครั้งนี้ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 8 ราย แบ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ 1 ราย และเหตุซึ่งหน้า 7 ราย ในความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยผู้ต้องหาราย 8 ราย คือ นายอภิเชษฐ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 999/2566 ลงวันที่ 24 ตุลาคม 2566 ของ สน.ยานยาวา ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต สามารถจับกุมได้ที่บ้านพักใน จ.พระนครศรีอยุธยา เบื้องต้น พบอาวุธปืนจำนวนมาก แต่เป็นปืนที่มีทะเบียนถูกกฎหมายจึงไม่ได้ทำการตรวจยึดแต่อย่างใด ส่วนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยได้ส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา เจ้าของคดีดำเนินคดีแล้ว

จากการสืบสวนสอบสวนในทางคดี พบว่า นายอภิเชษฐ์ เป็นผู้ขายเครื่องกระสุนปืนผ่านสื่อสังคมออนไลน์และจำหน่ายพร้อมจัดส่งเครื่องกระสุน .38 ให้กับเยาวชนอายุ 14 ปี ผู้ก่อเหตุกราดยิงในศูนย์การค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยพบว่าได้ไปส่งมอบกระสุนปืน ให้แก่เยาวชนผู้ก่อเหตุในวันเดียวกัน ก่อนที่ช่วงเย็นเยาวชนคนดังกล่าวจะลงมือก่อเหตุ

ซึ่งปฏิบัติการครั้งนี้ สามารถตรวจยึดของกลางได้เป็นอาวุธปืน จำนวน 12 กระบอก ได้แก่

1.อาวุธปืนยาว 4 กระบอก

2.อาวุธปืนสั้น 3 กระบอก

3.แบลงค์กัน 3 กระบอก

4.ปืนไทยประดิษฐ์ 2 กระบอก

5.เครื่องกระสุนอีกหลายขนาด รวม 110 นัด

6.อุปกรณ์ส่วนควบ เช่น ที่เก็บเสียง ลำกล้อง ชุดลั่นไก และลำกล้อง กว่า 22 ชิ้น

เคสที่ 2 เป็นปฏิบัติการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายที่ฉ้อโกงด้วยการหลอกลวงขายอาวุธปืนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน 8 ราย ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

โดยสืบเนื่องจากการสืบสวนพบว่า มีคนร้ายที่ฉ้อโกงด้วยการหลอกลวงขายอาวุธปืนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในห้วงเดือนพฤศจิกายน 2566 นำไปสู่การรวบรวมพยานหลักฐานพร้อมขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 10 ราย ก่อนจะสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับข้างต้นได้ทั้งสิ้น 8 ราย ซึ่งผู้ต้องหา 5 รายแรก ให้การรับสารภาพว่า เป็นคนสร้างเพจเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ เพื่อประกาศขายอาวุธปืน, แบลงค์กัน, ปืนปากกา, เครื่องกระสุนปืน ขึ้นมา เพื่อหลอกลวงประชาชนที่มีความสนใจเกี่ยวกับอาวุธปืน โดยที่ไม่มีอาวุธปืนจริงๆ เมื่อประชาชนหลงเชื่อก็จะโอนเงินเพื่อซื้อขายอาวุธปืน แต่ปรากฏว่ากลายเป็นการโอนเงินเปล่า เพราะผู้ต้องหาไม่มีอาวุธปืนอยู่จริงและเชิดเงินหนี สาเหตุที่ทำเพราะอ้างว่ามันก็คือถูกกูมาก่อน บางรายก็เชื่อว่า เนื่องจากเป็นการซื้อขายอาวุธปืนผิดกฎหมาย ผู้เสียหายจึงไม่กล้าที่จะไปแจ้งความแน่นอน

ส่วนผู้ต้องหาอีก 3 ราย ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้รับจ้างเปิดบัญชีธนาคารหรือบัญชีม้า เพื่อรับโอนเงินจากการกระทำความผิดให้กับขบวนการดังกล่าว โดยจากการสืบสวนเส้นทางการเงิน พบว่า ในช่วงระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา ผู้ต้องหาตามหมายจับข้างต้นทั้ง 10 ราย ได้ก่อเหตุฉ้อโกงหลอกลวงผู้เสียหายมาแล้วมากกว่า 180 คน รวมมูลค่าความเสียหายเป็นเงินมากกว่า 655,000 บาท ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 ราย อยู่ในระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี

ส่วนเคสที่ 3 เป็นปฏิบัติการปิดกั้น URL ที่มีการประกาศขายอาวุธปืนผ่านสื่อสังคมออนไลน์

โดยตลอดเดือนพฤศจิกายน 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอท. ได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อปิดกั้นเว็บเพจเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ ที่มีการประกาศขายอาวุธปืน, แบลงค์กัน, ปืนปากกา, ปืนไทยประดิษฐ์ และเครื่องกระสุนปืน โดยได้ทำการปิดกั้นไปแล้วทั้งสิ้น 146 URL แบ่งเป็น URL Facebook จำนวน 48 URL และ URL Twitter จำนวน 98 URL

ซึ่งทางตำรวจ ปอท. ยังคงจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกัน และปิดกั้นสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ที่มีการโพสต์ประกาศขายอาวุธปืน ป้องกันการนำไปก่อเหตุอาชญากรรมต่อไป

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat