CRIME

‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ สั่งผู้บังคับบัญชานำตำรวจที่ถูกออกหมายเรียก และหมายจับมารับทราบข้อกล่าวหาให้ครบภายในวันนี้

เตรียมทำหนังสือถึงหัวหน้าศาล 3 แห่ง เอาผิดตำรวจทำเอกสารเท็จเพื่อขอออกหมายจับ ย้ำ ลูกน้องคนสนิทที่ ‘อัจฉริยะ’ กล่าวหาเอี่ยวเว็บพนัน หากพบว่าผิดจริงต้องรับโทษ 2 เท่า ทั้งอาญาและให้ออกจากราชการไว้ก่อน

วันนี้ (27 มิ.ย.66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าคดี อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี และพวก ร่วมกันตบทรัพย์ 140 ล้านจากเว็บพนันออนไลน์ ภายหลังจากเมื่อวานนี้ ศาลอาญาทุจริตฯ ได้ออกหมายจับเพิ่มเติม 3 ราย เป็นตำรวจ 2 นาย พลเรือน 1 คน และให้ออกหมายเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 9 คน เข้ารับทราบข้อกล่าวหา โดยระบุว่า ได้สั่งการไปที่ผู้บังคับบัญชาของแต่ละพื้นที่ให้นำตัวเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมารับทราบข้อกล่าวหาที่ สภ.แสนสุข จังหวัดชลบุรี ในเวลา 10:00 น. ที่ผ่านมา และอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ล่าสุดพบบุคคลที่เกี่ยวต้องเพิ่มเติมที่จุดรับส่งมอบเงิน ในจังหวัดเชียงราย และจังหวัดชลบุรีแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผล พร้อมขอเวลาอีก 2 อาทิตย์จะพบตัวละครทั้งหมด ส่วนประเด็นการติดต่อเข้ามอบตัวของนายบอย และภรรยา ที่อยู่ระหว่างการหลบหนี ขณะนี้ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว แต่ได้มีการประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อยกเลิกหนังสือเดินทาง หากพบว่ามีการเดินทางออกจากสิงคโปร์ ก็จะถูกดำเนินคดี เพราะบทลงโทษของที่ประเทศสิงคโปร์ รุนแรง และหนัก ถึงแม้ขณะนี้ยังไม่ได้ตัว แต่ได้ประสาน ปปง. เพื่อสืบทรัพย์ ว่านายบอยมีทรัพย์สินอะไรบ้างเพื่อจะตรวจสอบ และอายัติทรัพย์สินทั้งหมดต่อไป พร้อมกับยืนยันว่าให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

นอกจากนี้คณะพนักงานสอบสวนยังเตรียมออกหนังสือไปถึงหัวหน้าศาลทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ ศาลจังหวัดมีนบุรี ศาลจังหวัดธัญบุรี และศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อขอให้ดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องละเมิดอำนาจศาลเพื่อให้ดำเนินการ และรับหนังสือจากพนักงานสอบสวนไป ในส่วนที่พบว่ามีเจ้าหน้าที่ทำเอกสารเท็จเพื่อออกหมายจับนำไปใช้หากิน ทำให้ตำรวจที่ดีทำงานยาก บางส่วนออกหมายจับไปแล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม

ส่วนกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่อ้างว่าเป็นมือซ้ายกับมือขวาของตนนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า เบื้องต้น มือซ้าย และมือขวาดังกล่าวมีตัวตนจริง ถึงแม้จะไม่เอ่ยชื่อตนก็รู้ว่าเป็นใคร ทั้งนี้ ย้ำว่าหากตรวจสอบพบว่ามีการกระทำความผิดจริง ก็ให้มีการดำเนินคดีอาญาตามกฎหมาย และในฐานะที่เป็นคณะทำงานกับตนเองนั่น ก็จะต้องโดนโทษสองเท่าและให้ออกจากราชการไว้ก่อนด้วย แต่หากไม่พบความผิด ก็ยืนยันว่าต้องให้ความเป็นธรรม

อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ตนไม่ได้มีหน้าที่แบกรับลูกน้องที่ทำงานไม่ดีไว้กับตน การทำงานกับตน “งานต้องนำหน้าเงิน” คนไหนที่ผิดก็ต้องดำเนินคดีไป ส่วนคนที่ยังอยู่ก็จะต้องเดินหน้าปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat