CRIME

รอง ผกก. ถูกอดีตผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ถีบหน้า เผย จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง

วันนี้ (26 เม.ย.67) พันตำรวจโท ดาราธร ขจรศิลป์ รองผู้กำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจจราจร เปิดใจออกสื่อครั้งแรก หลังเกิดเหตุอดีตผู้บริหารบริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ ถีบหน้าระหว่างการนำตัวขึ้นรถส่งดำเนินคดีเมาแล้วขับที่ สน. ประเวศว่า ในวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ขอความร่วมมือให้ผู้ก่อเหตุเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ ซึ่งก็พบว่ามีปริมาณเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด คือ 104 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จากนั้นได้เชิญมาแจ้งสิทธิ์ และแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งผู้ก่อเหตุก็ยังคงด่าทอ และขัดขืนไม่ยอมให้ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอน

ระหว่างที่จะนำตัวไปส่งพนักงานสอบสวน สน. ประเวศ ก็ให้ขึ้นรถกระบะตำรวจโดยให้ผู้ก่อเหตุเข้าไปที่ด้านหลังแคปของกระบะ โดยให้ผู้ก่อเหตุเข้าไปในลักษณะนอนตามแนวเบาะ โดยได้รวบขาสองข้างไว้ แต่เมื่อจะปิดประตูจึงคลายมือออกเพื่อให้เขาหดขาเข้าไปเพราะกลัวเจ็บตอนถูกปิประตู แต่ขณะกำลังจะปิดประตูกลับถูกถีบที่หน้า และขณะนำตัวส่งที่ สน. ตามขั้นตอน ระหว่างทางมีการใช้ถ้อยคำหยาบคาย ด่าทอตำรวจ โดยมีการด่าว่า “ชั้นต่ำ” รวมถึงไม่มีทีท่ายอมรับผิด

พันตำรวจโท ดาราธร ยืนยันว่า จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง พร้อมฝากเตือนประชาชนว่า เมาอย่าขับ เพราะสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุอันดับหนึ่งมาจากเมาแล้วขับ หลายคนมักอ้างว่าเมาแล้วขับไม่ได้ไปฆ่าใครตาย ขอให้เปลี่ยนความเชื่อแบบนี้ เพราะจากสถิติการเมาแล้วขับได้ส่งผลทำให้เกิดการเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บของคู่กรณี จึงอยากให้ประชาชนหันมาให้ความสำคัญ เรื่องเมาไม่ขับ ให้มากขึ้น เพราะถ้าไม่เกิดกับตนเองและครอบครัวคงไม่เข้าใจไม่รู้สึก

ด้าน พันตำรวจเอก จิรกฤต จารุนภัทร์ รองผู้บังคับการตำรวจจราจร เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเจอคนเมาแล้วขับขณะปฎิบัติหน้าที่อยู่บ่อยครั้งจนชิน เจอมาทุกรูปแบบ ทั้งยอมจำนนโดยดี ทั้งขัดขืนไม่ยอมเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ ทั้งพูดจาไม่รู้เรื่อง หรือแม้แต่แกล้งหลับ โดยยืนยันว่า กรณีตำรวจทำตามขั้นตอนการจับกุมทุกอย่าง ไม่ได้มีการใช้กำลังรุนแรงเกินกว่าเหตุแต่อย่างใด และที่ไม่ได้ใช้กุญแจมือพันธนาการกับผู้ก่อเหตุ

จากการตรวจสอบประวัติยังพบว่าเคยถูกดำเนินคดีข้อหาเมาแล้วขับ เมื่อปี 2565 มาแล้ว ซึ่งก็เป็นการถูกจับกุมในจุดเดิม ซึ่งระหว่างที่ตำรวจดำเนินคดีนั้นก็ยังป่วนนำแอลกอฮอล์มาฉีดใส่ตำรวจ แต่ว่าไม่ได้ลงมือทำร้ายตำรวจแต่อย่างใดจึงดำเนินคดีในข้อหาเมาแล้วขับเพียงข้อหาเดียว ซึ่งครั้งนั้นศาลได้พิพากษาลงโทษ โดยให้รอลงอาญา 2 ปี จนกระทั่งมาก่อเหตุในครั้งนี้อีก ซึ่งยังอยู่ในห้วงเวลาที่ศาลให้รอลงอาญาด้วย

ทั้งนี้ Google ประเทศไทย ได้ส่งจดหมายอิเลคทรอนิกส์ชี้แจงมายังสื่อมวลชนว่า จากกรณีข่าวที่เกิดขึ้น Google ขอชี้แจงว่าบุคคลที่ถูกกล่าวถึงในข่าวได้ออกจากการเป็นพนักงาน Google ไปแล้วตั้งแต่เดือนมกราคม 2567

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat