รวบชายปากีสถาน ลอบขนวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทเข้าไทย
วันนี้ (23 ม.ค. 66) นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด แถลงข่าว รวบชายชาวปากีสถาน ลอบขนวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 และประเภท 4 รวม 5 รายการ จำนวน 79,200 เม็ด
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 66 หน่วยเฉพาะกิจสกัดกั้นยาเสพติดทางท่าอากาศยานสากล (Airport Interdictoin Task Force) หรือ AITF ซึ่งประกอบด้วย กรมศุลกากร กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย และสำนักงาน ป.ป.ส. ตรวจพบการเดินทางของชายต้องสงสัยเดินทางจากเมืองการาจี ประเทศปากีสถาน เข้าประเทศไทย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
ทราบชื่อคือ นายอันซารี อันวา (ANSARI ANWAR) อายุ 57 ปี จึงแสดงตัวขอทำการตรวจค้นกระเป๋าสัมภาระ จำนวน 3 ใบ พบวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 และประเภท 4 รวม 5 รายการ 79,200 เม็ด ใช้แก้ปัญหาสมาธิสั้น นอนไม่หลับ รักษาอาการวิตกกังวล และใช้เป็นประกอบในยาเสียสาว
จากการสอบปากคำเบื้องต้น พบว่า ผู้ต้องหามีอาชีพเป็นเชฟร้านอาหารอินเดีย ย่านพระราม 3 จะเดินทางกลับประเทศเพื่อไปหาครอบครัว สำหรับของกลางที่ตรวจยึดได้ไม่ได้มีใบสั่งนำเข้ามา แต่เป็นการลักลอบนำเข้า โดยอ้างว่า ได้รับการว่าจ้าง 10,000 บาท ให้ลักลอบนำเข้ามา เมื่อนำเข้ามาได้แล้ว จะมีคนมารับอีกต่อหนึ่ง
เจ้าหน้าได้ควบคุมตัว พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา “นำเข้าวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 และประเภท 4 เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 – 15 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000 – 1,500,000 บาท
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ผิดกฎหมายในประเทศไทย ส่วนใหญ่ลักลอบนำเข้าจากเอเชียใต้ที่เป็นแหล่งเคมีและวัตถุออกฤทธิ์แหล่งใหญ่ของภูมิภาค โดยกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติชาวเอเชียใต้ ที่เข้ามาเคลื่อนไหวในประเทศไทย พบความเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหลายอย่าง ทั้งการจัดทำการค้าเอกสารเดินทางปลอม ปลอมแปลงเอกสาร ขบวนการนำพาค้ามนุษย์ และค้ายาเสพติด โดยเริ่มพบลักลอบนำวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทเข้าไทย เมื่อปี 2540 และจากสถิติของสำนักงาน ป.ป.ส. พบว่า ตั้งแต่ปี 2561 – 2565 มีการจับกุมชาวเอเชียใต้ รวม 8 คดี ได้ผู้ต้องหา 9 คน ของกลางเคตามีนกว่า 31 กิโลกรัม , โคเคน 2.4 กิโลกรัม , เฮโรฮีน 1.1 กิโลกรัม , ไอซ์ 6.5 กรัม และยาบ้า 8 เม็ด