CRIME

รวบแก๊งจีนดำ หลอกลงทุน คอลเซ็นเตอร์ แอบอ้าง สนง.ทรัพย์สินฯ เสียหายกว่า 500 ล้าน

ตำรวจสอบสวนกลาง รวบแก๊งจีนดำ หลอกลงทุน – คอลเซ็นเตอร์ แอบอ้าง สำนักงานทรัพย์สินฯ สร้างความน่าเชื่อถือ ผู้เสียหายหลงเชื่อกว่า 2 พันราย มูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท

วันนี้ (22 มิ.ย. 66) เวลา 10:00 น. กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงผลปฎิบัติการทลายจีนดำ เครือข่ายหลอกลงทุน – คอลเซ็นเตอร์ ตั้งแต่ระดับหัวหน้าเครือข่ายไปจนถึงคนรวบรวม และรับจ้างเปิดบัญชีม้า พบเงินหมุนเวียนกว่า 3 พันล้านบาท

พ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ รอง ผกก.2 บก.ปอท. เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อช่วงต้นปี 2566 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับการร้องเรียนจากทางสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ว่ามีกลุ่มมิจฉาชีพ ได้นำชื่อสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไปแอบอ้างด้วยการเปิดเว็บไซต์หลอกลวงประชาชนให้นำเงินมาลงทุนในหุ้นทองคำโดยใช้ชื่อเว็บไซต์ว่า Royal Gold

จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียหายหลงเชื่อนำเงินไปร่วมลงทุนกับกลุ่มมิจฉาชีพเป็นจำนวนมากโดยจากการตรวจสอบตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤษภาคม 2566 โดยพบว่ามีผู้เสียหายหลงเชื่อกว่า 2,000 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 500 ล้านบาท

จากการสืบสวนโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.บก.ปอท. พบว่ามิจฉาชีพดังกล่าว มีพฤติกรรมหลอกลวงโดยใช้บัญชีเฟซบุ๊กปลอมเป็นหญิงสาวหน้าตาดี ติดต่อเข้ามาพูดคุยกับผู้เสียหาย ตีสนิทด้วยการพูดคุยในลักษณะเชิงชู้สาว ก่อนจะชักชวนให้ผู้เสียหายร่วมลงทุนในหุ้นทองคำผ่านเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นมา และมีการแอบอ้างว่าเว็บไซต์ดังกล่าวเป็นเว็บไซต์ลงทุนในหุ้นทองคำที่เกี่ยวข้องกับสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

โดยช่วงแรกจะให้ค่าตอบแทน 10% ของเงินลงทุน แต่จะไม่สามารถถอนเงินได้ ต้องมีการสั่งชำระภาษีก่อน และเมื่อผู้เสียหายทำการโอนเงินค่าภาษีมิจฉาชีพจะทำการบล็อคช่องทางการติดต่อ และไม่สามารถติดต่อได้อีก เมื่อผู้เสียหายโอนเงินเข้ามายังบัญชีม้า เงินทั้งหมดจะถูกเปลี่ยนเป็นเงินดิจิตอล สกุล USDT จากพ่อค้าคนกลาง โดยกระเป๋าดิจิตอลม้ามีมากกว่า 100 ใบ หลังจากนั้นมีการโอนเหรียญดังกล่าวไปยังกระเป๋าเงินดิจิตอลของกลุ่มผู้บริหารเครือข่ายชาวจีนที่รับหน้าที่ฟอกเงิน โดยการนำเหรียญที่ได้มาจากการฉ้อโกงไปขาย แลกกลับมาเป็นเงินบาทไทย ก่อนจะนำเงินที่ได้มาไปส่งมอบให้กับหัวหน้าเครือข่าย

ต่อมา ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. และ กก.3 บก.ปอศ. ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายหลอกลงทุน ได้ร้องขออนุมัติศาลอาญาเพื่อออกหมายจับรวม 15 หมายจับ และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 11 ราย ตั้งแต่ระดับหัวหน้าเครือข่ายที่มีหน้าที่ควบคุมสั่งการ ไปจนถึงคนรวบรวมบัญชีม้าและคนรับจ้างเปิดบัญชีม้า อยู่ระหว่างสืบสวนติดตามการจับกุมอีก 5 ราย เป็นคนจีน 3 รายและคนไทย 2 ราย โดยเป็นกลุ่มบริหารและบัญชีม้า

โดยในวันที่ 13 มิถุนายนตำรวจได้เข้าจับกลุ่มผู้จัดหาและรวบรวมบัญชีม้าและกระเป๋าวอลเล็ตม้า กลุ่มรับจ้างเปิดบัญชีม้า จำนวน 8 ราย และได้มีการขยายผลจนวันที่ 20 มิถุนายน สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้อีก 3 ราย เป็นหัวหน้าเครือข่าย ผู้บริหารดูแลเรื่องฟอกเงินและผู้รวบรวมบัญชี จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบถามผู้ต้องหาเบื้องต้น หนึ่งในผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่จัดหาและรวบรวมบัญชีม้า ให้การรับสารภาพว่าตนเองได้รับการว่าจ้างจากนายทุนชาวจีน ว่าจ้างให้รวบรวมคนไทยเปิดบัญชีม้า และนำส่งให้คนจีนที่อยู่ในพื้นที่ของ สปป.ลาว โดยได้รับค่าตอบแทนเป็นเงิน 10,000 บาท/บัญชี และแบ่งให้กับคนที่เปิดบัญชีประมาณ 3-4,000 บาท

ทั้งหมดโดนแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ และร่วมกันฟอกเงิน

อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถยึดทรัพย์สินจำนวนหลายรายการ อาทิ รถยนต์หรู 3 คัน เงินสดมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท สร้อยคอทองคำ แหวน กว่า 30 รายการ นาฬิกาหรูและกระเป๋าแบรนด์เนม คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค ซิมการ์ด สมุดบัญชีธนาคารและใบรับประกันทองจำนวนหลายรายการ โดยใบรับประกันทองมาจากการที่นายทุนชาวจีนเดินทางมาไทยเพื่อซื้อทองเป็นโบนัสให้พนักงานฝั่งลาว เป็นรางวัลที่หลอกคนได้

ทั้งนี้ ตำรวจสอบสวนกลาง ขอเตือนภัยไปยังประชาชน ควรศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการลงทุนให้ถี่ถ้วนก่อนการลงทุนทุกครั้ง เนื่องจากมิจฉาชีพมักอ้างหน่วยงานหรือสถาบันที่มีความน่าเชื่อถือ อย่าตัดใจลงทุน เพียงเพราะเห็นว่ารูปแบบเว็บไซต์ดูน่าเชื่อถือ เพราะในปัจจุบันมิจฉาชีพสามารถปลอมข้อมูลขึ้นมาได้ทั้งหมด และห้ามฝากเงินหรือโอนเงินลงทุนเข้าบัญชีส่วนตัวของบุคคลธรรมดา หากเป็นบัญชีส่วนตัวให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็น มิจฉาชีพ สังเกตสัญญาณเตือนภัยกลโกงจากข้อเสนอลงทุน เช่น ลักษณะผลตอบแทนที่ดูดีเกินไป รับประกันผลตอบแทน เร่งรัดให้ตัดสินใจทลงทุน ดึงดูดใจด้วยสินทรัพย์ใหม่ๆ เป็นต้น

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat