ศาลฎีกา เลื่อนฟังคำพิพากษาคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา เป็น 2 เม.ย. 67
ศาลฎีกา เลื่อนฟังคำพิพากษาคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา เป็น 2 เม.ย. 67 เตรียมปิดฉาก 9 ปี คดีอาชญากรรมข้ามชาติ จำเลย 103 คน โทษสูงสุดจำคุก 96 ปี นอกจากนี้ศาลยังออกหมายจับจำเลยที่ 37 ฐานไม่มาฟังคำพิพาษา-นัดไต่สวนการตาย สจ.อาบู จำเลยที่ 14
วันนี้ (22 ก.พ. 67) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา ที่พนักงานอัยการคดีปราบปรามการค้ามนุษย์ 1 เป็นโจทก์ฟ้องนายบรรจง ปองผล หรือ โกจง อดีตนายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ จังหวัดสงขลา กับพวกรวม 103 คน ในความผิดฐานร่วมกันค้ามนุษย์ ฯ ร่วมกันเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งคดีนี้ พลโท มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก จำเลยที่ 54 ได้เสียชีวิตแล้ว
จากกรณีเมื่อเดือนมกราคม 2554 – 1 พฤษภาคม 2558 จำเลยได้ร่วมกันหลอกขู่บังคับชาวบังกลาเทศ และชาวโรฮิงญากว่า 80 คนจากประเทศบังกลาเทศ และประเทศเมียนมา เข้ามายังประเทศไทย เพื่อเตรียมส่งไปทำงานประเทศมาเลเซีย โดยแบ่งหน้าที่กันทำ ทั้งเป็นนายหน้าชักชวนผู้เสียหายว่าจะส่งไปทำงาน ซึ่งมีทั้งผู้เสียหายที่หลงเชื่อและที่ไม่สมัครใจ โดยมีการใช้กำลังหรืออาวุธปืนประทุษร้ายและข่มขู่ผู้เสียหายด้วย และเมื่อรวบรวมผู้เสียหายได้ 200-500 คน ก็จะส่งขึ้นเรือลำใหญ่ที่จอดลอยลำอยู่กลางทะเล ที่มีผู้ควบคุมโดยใช้อาวุธปืนไม่ให้ผู้เสียหายหลบหนี จากนั้นจะมีเรือเล็กรับผู้เสียหายขึ้นฝั่งไปพักในเขต จังหวัดระนอง จังหวัดพังงา โดยจะขายผู้เสียหายคิดเป็นเงินไทยคนละ 60,000-70,000 บาท
คดีนี้ ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2560 ซึ่งใช้เวลาอ่านคำพิพากษา 540 หน้า นานร่วม 12 ชั่วโมง โดยตัดสินว่าให้จำคุก จำเลย 61 คน ตั้งแต่ 4-79 ปี และยกฟ้อง 40 คน
ส่วนศาลอุทธรณ์สั่งแก้โทษจำคุกจำเลย ทั้งสิ้น 55 คน จากเดิมที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกไว้ 61 คน ส่วนจำเลยที่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง 40 ราย เมื่อคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แก้ในส่วนของจำเลยต่าง ๆ แล้ว คงเหลือจำเลยที่ศาลยกฟ้องเพียง 26 รายเท่านั้น
วันนี้การอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาใช้ระบบ Google Meet จากศาลฎีกามายังศาลอาญา ซึ่งเป็นศาลต้นทาง ให้จำเลยที่ถูกคุมขัง จำเลยที่ได้รับการประกันตัว และจำเลยที่ศาลพิพากษายกฟ้อง มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา
ขณะเดียวกันวันนี้มีญาติของจำเลยเดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษาศาลฎีกาด้วยโดยศาลอาญาใช้ห้องพิจารณาคดีที่ 704 ซึ่งเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุด โดยมีการจัดระเบียบให้ญาติเข้าไปร่วมฟังได้ 75 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์อีก 16 คน และตำรวจศาล พนักงานรักษาความปลอดภัย ไปดูแลความเรียบร้อย
เมื่อถึงเวลานัด ศาลฎีกาได้อ่านกระบวนการพิจารณาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ มายังศาลอาญาที่จำเลยและญาติมาฟังคำพิพากษา โดยระบุว่า นายอาบู หรือ ส.จ.บู ฮะอุรา จำเลยที่ 14 เสียชีวิต ขณะถูกขุมขังอยู่ในเรือนจำคลองเปรม เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 65 เรือนจำจึงไม่อาจส่งตัวจำเลยต่อศาล เพื่อฟังคำพิพากษาได้ในวันนี้ โดยศาลฎีกามีคำสั่งให้ศาลอาญา ดำเนินการไต่สวน เกี่ยวกับการเสียชีวิตของจำเลยที่ 14 และส่งให้ศาลฎีกาทราบต่อไป
ส่วนนายสมพล อาดำ จำเลยที่ 37 ทราบนัดแล้ว ไม่เดินทางมาศาล ศาลฎีกาจึงอาศัยอำนาจ ตาม พ.ร.บ. วิธีพิจารณาคดีค้ามนุษย์ พ.ศ. 2559 มาตรา 36 ให้ ออกหมายจับจำเลยที่ 37 เพื่อมาฟังคำพิพากษา
โดยศาลฎีกากำหนดนัดคำฟังคำพิพากษาอีกครั้ง ในวันที่ 2 เมษายน 2567 เวลา 9.30 น.
สำหรับนายสมพล อาดำ เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2566 ทางตำรวจแห่งชาติ ส่ง 4 ผู้ต้องหาชาวไทยในคดีค้ามนุษย์ ให้กับทางการมาเลเซียเพื่อไปดำเนินคดีที่ประเทศดังกล่าว หลังก่อเหตุฆ่าฝังดินแรงงานโรฮิงญา กลางป่าบนเขาแก้ว ในตำบลปาดังเบซาร์ จังหวัดสงขลา โดยผู้ต้องหาที่ส่งตัวไป 1 ใน 4 มีชื่อนายสมพล อาดำ จำเลยที่37 ในคดีนี้ด้วย