เปิดอาณาจักร ‘หม่อง ชิตตู่’ กับการเติบโตของเมืองชเวก๊กโก่ และความสัมพันธ์กับทุนจีน

เปิดอาณาจักร ‘หม่อง ชิตตู่’ กับการเติบโตของเมืองชเวก๊กโก่ และความสัมพันธ์กับทุนจีน
“ในเมืองชเวก๊กโก่ มีการทำธุรกิจอื่นด้วย ทั้งกาสิโน ออนไลน์ มีร้านค้า ร้านอาหาร ธุรกิจก่อสร้าง อย่าไปเหมารวมว่าเราเป็นเมืองสแกมเมอร์ไปทั้งหมด ผมไม่เคยรู้เรื่องเลย”
พล.ต.หม่อง ชิตตู่ ผู้นำกองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง BGF ยืนยันกับ The Reporters ระหว่างพบกันเป็นการส่วนตัวในโรงแรม Chit Thu Myitter Hotel หนึ่งในธุรกิจของ หม่อง ชิตตู่ ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขา ที่สามารถมองเห็นวิวเมืองชเวก๊กโก่ ทั้งเมือง
หม่อง ชิตตู่ บอกว่า ที่เห็นเมืองชเวก๊กโก่ เติบโตมากขนาดนี้ ถือว่าน้อยมากจากที่ทำไว้ จากที่มากล่าวหาว่าเป็นเมืองสแกมเมอร์ ถ้ามาดูในเมือง มีธุรกิจอย่างอื่นอีกมากมาย ไม่ใช่แค่ที่คนจีนจะเข้ามาทำ แต่มีคนกะเหรี่ยง พม่า และคนไทย ก็ได้ประโยชน์จากการสร้างงาน สร้างรายได้มากมาย
“ที่เห็นสร้างมากขนาดนี้ ถือว่าน้อยมากจากที่ทำไว้ เฉพาะโรงเรียนที่ทำมี 20 กว่าโรงเรียนแล้วของปีที่แล้วปีเดียว และยังมีวัด มีอีก 9 หมู่บ้าน 9 วิหาร ซึ่งตนเองมีบันทึกจดไว้ทุกอย่างว่าทำจริง”
ผู้นำ BGF ผู้นี้เป็นชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ที่แยกตัวมาตั้งกองกำลังพิทักษ์ชายแดนให้กับรัฐบาลเมียนมา ตั้งแต่ปี 2008 และถือเป็นผู้บุกเบิกสร้างเมืองชเวก๊กโก่ ตั้งแต่ปี 1995 หรือปี พ.ศ.2538 จากบ้านเพียง 2-3 หลัง เติบโตเป็นตึกสูงและเมืองเศรษฐกิจขนาดใหญ่ กว่า 300 หลัง มีผู้คนอาศัยอยู่กว่า 50,000 คน ในเวลา 30 ปี
คนใกล้ชิดของหม่อง ชิตตู่ บอกว่า หัวหน้าของพวกเขาสร้างเมืองนี้ขึ้นมาด้วยความรักในแผ่นดินเกิด ถ้าคนจีนมาทำเรื่องไม่ดี เขาก็ไม่อยากให้อยู่ หรือทำให้แผ่นดินกะเหรี่ยงเสียหาย ที่ผ่านมายอมให้คนตราหน้าว่าทำเรื่องไม่ดี แต่อยากให้ดูว่าได้ทำอะไรไปบ้าง โดยเฉพาะเมื่อถูกถามถึงความสัมพันธ์กับ เสอ จื้อ เจียง เจ้าพ่อคอลเซ็นเตอร์ ที่ถูกเชื่อมโยงและทางการไทยเตรียมออกหมายจับเขา
“ผมอยู่ที่อยู่ชายแดน ติดหลายอำเภอ คนแถวนี้รู้นิสัยผมดี รวมถึงฝั่งไทยด้วย คนรู้ว่าผมทำอะไรที่เป็นประโยชน์แก่คนที่นี่เยอะ คนกะเหรี่ยงจากหลายรัฐ ก็ได้มาทำงานที่นี่ ดังนั้น ใครจะพูดอะไรก็ว่าไป”
พล.ต.หม่อง ชิตตู่ ย้ำว่า เสอ จื้อเจียง กับ บริษัท หย่าไถ้ ได้เข้ามาลงทุนตั้งแต่ปี 2018 ก็ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลเมียนมาที่เนปิดอว์ ได้รับสัมปทานจากรัฐบาล มาทำบ้านจัดสรร โรงแรม และธุรกิจต่างๆ แต่พวกเขามาทำธุรกิจหลอกลวง หลังเหตุการณ์โควิด ตนก็ได้ช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์มาต่อเนื่อง ไม่เคยได้ประโยชน์จากธุรกิจหลอกลวงต่างๆ ได้เพียงค่าเช่าที่ดิน ที่ปีแรกๆได้เพียงปีละ 4 ล้านบาท
ที่เหลือตนก็ทำธุรกิจหลายอย่าง ได้เงินก็เอามาสร้างเมืองอย่างที่เห็น
พล.ต.หม่อง ชิตตู่ ได้ให้ พ.ต.หม่อง วิน ผบ.พัน 1018 กองกำลัง BGF นำทีมข่าว The Reporters ไปดูการสร้างโรงพยาบาล โรงเรียนแพทย์ โรงเรียนประถม มัธยา และบ้านเด็กกำพร้า ที่หม่อง ชิตตู่ อุปการะอยู่ และพาตระเวนดูภายในเมืองชเวก๊กโก่ ที่มีคอนโดมีเนียม บ้านจัดสรร สวนสนุกที่กำลังสร้างเป็นแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงพาไปดูปฏิบัติการกวาดล้างแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ เพื่อให้เห็นว่า BGF จริงจังกับการกวาดบ้านตัวเอง
“อย่างที่บอกกับสื่อมวลชนไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะกวาดล้างคอลเซ็นเตอร์จนถึงสิ้นเดือน ก.พ.นี้ และไม่อยากเรียกร้องให้รัฐบาลไทยยกเลิกมาตรการกดดันตัดไฟฟ้า ตัดน้ำมัน ตัดเน็ต เพราะอยากให้ดูที่การกระทำให้เห็นผลงานก่อนว่า จริงจังแค่ไหนกับการปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ และค้ามนุษย์” หม่อง ชิตตู่ กล่าวย้ำ
ภาพของ พล.ต.หม่อง ชิตตู่ เดินขนาบข้างด้วยลูกชายทั้งสองคนในชุดทหาร ระหว่างเดินลงจากโรงแรมของเขา ในขณะที่เสียงเครื่องปั่นไฟดังสนั่นกว่าเสียงรถยนต์ กลายเป็นภาพจำของผู้นำ BGF ที่ชื่อ หม่อง ชิตตู่ ในวันที่กำลังเผชิญข้อกล่าวหาที่ร้ายแรง และถูกจับตาว่า การปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ของเขา จะเป็นเพียงการแสดง หรือการจัดฉากเพื่อเอาตัวรอดเท่านั้น