CRIME

เหยื่อค้ามนุษย์ชาวกัมพูชา ในบ้านช่องแคบ ดีใจจะได้กลับบ้าน

เหยื่อค้ามนุษย์ชาวกัมพูชา ในบ้านช่องแคบ ดีใจจะได้กลับบ้าน ตั้งใจไปบอกพ่อแม่ว่า “ผมกลับมาแล้ว”

The Reporters สัมภาษณ์เหยื่อชาวกัมพูชาเพียงคนเดียว จากเหยื่อชาวต่างชาติทั้ง 260 คน ที่กองกำลังกะเหรี่ยงประชาธิปไตย D.K.B.A. ได้ส่งตัวมายังฝั่งไทยเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา และเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง NRM แล้ว

สมปอง เล่าว่า ตนเองได้รับข้อเสนองานผ่าน Telegram ให้ไปทำงานที่เมียนมา เป็น Customer Service ซึ่งได้สัมภาษณ์งานว่ามีประสบการณ์การทำงานอะไรบ้าง และอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 4 เดือน โดยเริ่มต้นเดินทางด้วยรถยนต์ ข้ามเข้ามายังประเทศไทย และมาที่อำเภอแม่สอด ใช้เส้นทางธรรมชาติที่ผิดกฎหมายข้ามไปยังประเทศเมียนมา

สมปอง กล่าวอีกว่า การเป็น Customer Service ที่นั่น คือการทำให้ลูกค้าเชื่อใจ พยายามทำความรู้จัก และเสนองานผ่านเว็บไซต์อเมซอน สร้างสัมพันธ์ที่ดี และหลอกให้โอนเงิน 15 ดอลล่าร์ หรือ 15 USTD ผ่านคริปโตเคอเร็นซี่ โดยต้องทำงานอยู่ที่หน้าคอมพิวเตอร์ตลอด และหลังจากนั้นเขาก็ได้ย้ายให้ตัวเองไปหาเบอร์โทรศัพท์ผ่าน TikTok และ Facebook ทำงานวันละประมาณ 15 ชั่วโมง เข้านอน และตื่น กลับมาทำงานแบบนั้น วน ๆ ไป ไม่มีอย่างอื่น ซึ่งพวกเขาก็มีอาหารให้ 3 มื้อ แต่ถ้าโดนทำโทษ ก็ไม่ได้กินอาหาร

สมปอง กล่าวอีกว่า คอมพาวด์ที่ตนเองทำงานอยู่ใหญ่มาก ซึ่งถัดออกไปก็จะมีอีกหลายคอมพาวด์ และอีกหลายบริษัทอยู่ข้างใน โดยคิดว่าน่าจะอยู่ที่บริเวณบ้านช่องแคบ

ส่วนเรื่องเงินเดือนนั้น พวกเขาบอกว่าจะมีเงินเดือนให้ แต่เมื่อมาทำงานแล้ว กลับไม่มีเงินเดือนเลย ในทุก ๆ วัน เขาจะพูดว่าขอโทษที่ไม่มีเงินเดือน แต่ตนเองรู้ว่านั่นคือคำโกหก บอสของบริษัทก็เป็นคนจีน และคนที่ทำร้ายก็เป็นคนจีนเช่นกัน

“เขาทำร้ายพวกเราทุก ๆ วันทั้ง ทุบตี ทรมาน งดน้ำงดอาหาร ให้สควอตซ์ พร้อมกับถือของหนัก รวมถึงช็อตไฟฟ้า” สมปอง กล่าวถึงการโดนทำโทษเมื่อทำงานไม่ได้ตามเป้า

สมปอง ระบุอีกว่า ไม่สามารถออกจากบริษัทได้ และไม่มีทางออกได้ และเท่าที่รู้ ตนเองเป็นคนกัมพูชาคนเดียวในแคมป์ ซึ่งพยายามหลบหนีหนึ่งครั้ง และสามารถหนีมาได้สามวัน ไม่มีน้ำ ไม่มีอาหาร ซึ่งก็ถูกจับกลับไปยังบริษัท แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็มาบอกว่าคุณสามารถที่จะกลับบ้านได้ และก็มีกองกำลังทหารเข้ามา และในที่สุดตนเองก็เป็นอิสระ

สมปอง ย้ำว่า ตอนนี้รู้สึกดีใจมากที่ได้เป็นอิสระ ซึ่งระหว่างที่อยู่ในเมืองสแกมเมอร์ ไม่สามารถติดต่อใครได้เลย เพราะพวกเขาเอาโทรศัพท์ไป เมื่อเราถามหาโทรศัพท์ของเรา พวกเขาจะใช้ไม้ช็อตไฟฟ้ามาช็อตเรา และพวกเขาจับตาดูเราอยู่ตลอดเวลา

ส่วนหลังจากที่รัฐบาลไทยออกมาตรการกดดันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในพื้นที่นั้นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะว่าเขาผลิตไฟฟ้าใช้ โดยจะมีเครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่อยู่บนภูเขา ซึ่งทำงานตลอดเวลา เสียงก็จะดังตลอดทั้งคืน อยู่ในกลางเขา ส่วนการใช้โซลาร์เซลล์ ก็ไม่มีมากนัก ใช้แค่พัดลมกับโคมไฟ แต่ตนเองไม่รู้ว่าเรื่องสัญญาณอินเตอร์เน็ตเป็นอย่างไร แต่ก็ยังใช้งานได้อยู่ปกติ

”ตอนนี้กลับไปก็ยังไม่รู้ว่าจะทำงานอะไร แบล็งค์ไปหมด แต่สิ่งแรกที่อยากทำคือ กลับไปบอกพ่อแม่ว่าผมกลับมาแล้ว“ สมปอง กล่าวทิ้งท้ายก่อนเดินขึ้นรถเพื่อกลับไปยังประเทศกัมพูชา

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat