CRIME

‘อัจฉริยะ’ เตรียมขอความเป็นธรรมชั้นอัยการ พร้อมหอบหลักฐานให้ DSI

‘อัจฉริยะ’ ให้ปากคำ คดีแจ้งความ ‘แซน’ ให้การเท็จ เชื่อ ตร.ไม่สั่งฟ้องคดีแซน เปลี่ยนแผนขอความเป็นธรรมชั้นอัยการ พร้อมเตรียมหอบหลักฐานคดีแตงโม ให้ ดีเอสไอ 18 พ.ค.หวังรับเป็นคดีพิเศษ

ช่วงเช้าวันนี้ (17 พ.ค. 65) ที่ สภ.พระประแดง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 ในคดีที่นายอัจฉริยะไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ แซน วิศาพัช มโนมัยรัตน์ ฐานให้การเท็จไว้ ซึ่งนายอัจฉริยะได้ไปแจ้งความต่อกองบังคับการปราบปรามไว้เมื่อวันที่ 1 เม.ย. และสำนวนได้โอนมาที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 แล้ว

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า วันนี้ได้นำซีดีเพื่อใช้เป็นมาหลักฐานยืนยันว่า แซน ให้การเท็จอย่างไร โดยเฉพาะการให้สัมภาษณ์ของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ระบุถึงคลิปเห็นเงาไม่ใช่คลิปตอนตกเรือ รวมถึงจะมีพยานผู้เชี่ยวชาญด้านแสงและเงาที่มายินยันว่าภาพตอนที่ตำรวจแถลงไม่ได้เกิดจากการตกเรือ ประกอบกับ ความเห็นของแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ อดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่ระบุว่าแตงโมไม่ได้ตกท้ายเรือ ซึ่งจะแย้งกับคำให้การของแซน

การที่นำพยานหลักฐานมาให้พนักงานสอบสวนเพียงเท่านี้ เพราะไม่ได้คาดหวังการทำงานของตำรวจภูธรภาค 1 และเชื่อว่ายื่นไป ตำรวจก็จะอ้างว่าส่งสำนวนคดีหลักให้อัยการแล้ว ไม่สามารถกลับคำให้การได้ ซึ่งถ้าหากตนเปิดไพ่โชว์หลักฐานทั้งหมดไป อีกฝ่ายก็จะรู้ทันหมด ดังนั้น ตนเองจึงมาให้ปากคำเพื่อให้ไปคานอำนาจเท่านั้น และเชื่อว่าพนักงานสอบสวนจะสั่งไม่ฟ้องในคดีให้การเท็จของแซน เพราะมองว่ามีธงในคดีประมาทอยู่แล้ว ดังนั้นตนเองก็เตรียมที่จะไปร้องขอความเป็นธรรมในชั้นอัยการ สำหรับคดีให้การเท็จและยื่นหลักฐานเพิ่มเติมในชั้นอัยการ ซึ่งก็เป็นเหมือนเทคนิคในการทำคดีของตนเอง เพื่อให้อัยการพิจารณาคดีของแซนด้วย

ส่วนหลักฐานทั้งหมดที่ตนเองมีหลังจากนี้ และจะนำไปมอบให้กับดีเอสไอ แบบเทหมดหน้าตัก เพราะกำลังจะมีการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ โดยนอกจากหลักฐานแล้ว ยังมีพยานผู้เชี่ยวชาญอีก 12 ปาก ที่จะให้ดีเอสไอด้วย ทั้ง พันเอกนายแพทย์ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์ รพ.พระมงกุฎเกล้า หมอพรทิพย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช กระทรวงยุติธรรม ผู้เชี่ยวชาญด้านเรือ มนุษย์กบ โปรแกรมเมอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านจีพีเอส และพยานอื่นๆ ซึ่งยืนยันว่า มีมากกว่าตำรวจ และสามารถยืนยันได้ว่า แตงโมไม่ได้ตกท้ายเรือ

รวมถึงพยานหลักฐานที่มีการทดลองว่าบาดแผลไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ ซึ่งเชื่อว่าหลักฐานจะไปหักล้างได้ในชั้นดีเอสไอ และมีหลักฐานที่ยืนยันว่าบุคคลบนเรือไปแวะท่าเรือทราย เพื่อทำอะไรบางอย่าง แม้จะเป็นภาพวงจรปิดเป็นมุมเดิมแต่ตนเองนำไปเข้าโปรแกรมที่ซื้อจากอเมริกา ทำให้เห็นอย่างชัดเจน รวมถึงกรณีที่และพบสารที่อยู่ในร่างกายแตงโม และคนบนเรือ เป็นสารชนิดเดียวกัน ที่คล้ายกับยานอนหลับ ซึ่งก็จะเป็นขั้นตอนการสืบสวนของดีเอสไอ ว่ายาดังกล่าวมาจากที่ไหน และต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเป็นยาที่หมอสั่งจ่ายหรือถูกมอม

นอกจากนี้ยังมี พยานที่ตนเองอยู่ในระหว่างการพูดคุยว่าจะร่วมมาเป็นพยานเพิ่มได้อีกหรือไม่นอกจาก 12 คน ซึ่งเป็นพยานที่เห็นเหตุการณ์ขณะอยู่ที่เรือทราย และถ่ายภาพไว้นานกว่า 10 นาที ทั้งนี้ยอมรับว่า ข่าวของตนเองที่ระบุถึงการลอบยิงมีผลต่อพยานที่ทำให้ไม่กล้าจะมาเป็นพยานในคดีให้เช่นกัน

ทั้งนี้นายอัจฉริยะ ยังบอกอีกว่า คดีที่ตนเองไปยื่นดีเอสไอ เป็นคนละคดีกับที่ตำรวจภาค 1 ทำที่เป็นคดีประมาท
เพราะคดีของตนเองที่เป็นคดีฆาตรกรรมอำพราง ดังนั้นคดีประมาท ที่อยู่ในชั้นอัยการ ที่อัยการดาวกำลังทำ ตนเองไม่ได้ไปก้าวล่วงหรือไปยุ่ง แต่คดีฆาตกรรมอำพราง ก็จะเป็นคดีที่ดีเอสไอจะเปิดสำนวนใหม่ ให้เป็นคดีพิเศษ ซึ่งหวังว่าจะผ่านชั้นคณะอนุกรรมการ รับเป็นคดีพิเศษได้ และยืนยันด้วยว่า ตนมีอำนาจตามกฎหมายในการเป็นผู้เสียหายไปร้องทุกข์ต่อดีเอสไอเพราะเป็นคดีอาญาแผ่นดิน

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat