คณะอนุฯ มีมติชะลอพิจารณาการเสียชีวิต ‘อดีตผู้กำกับโจ้‘
คณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ มีมติชะลอพิจารณาการเสียชีวิต ‘อดีตผู้กำกับโจ้‘ เพื่อผลการชันสูตรพลิกศพจาก 2 สถาบันนิติเวชอย่างเป็นทางการ พร้อมมอบพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น สอบผู้คุม – เพื่อนนักโทษเพิ่ม กรณีทำร้ายร่างกาย และกลั่นแกล้ง หลังพบ อาจเข้าข่าย พ.ร.บ.อุ้มหายฯ
วันนี้ (17 มี.ค. 68) เวลา 13:30 น. ที่กระทรวงยุติธรรม คณะอนุกรรมการกลั่นกรองข้อเท็จจริงกรณีการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย นำโดย น.ส.เอมอร เสียงใหญ่ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ พร้อมด้วย 12 ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมคดีการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ ภายในเรือนจำกลางคลองเปรม และข้อร้องเรียนกรณีถูกเจ้าหน้าที่คุมขังทำร้ายร่างกายกลั่นแกล้ง ในแดน 7 ที่เป็นไปตามกฎหมาย พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 หรือ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ
ภายหลังประชุมร่วมกว่า 2 ชั่วโมง นายธีรยุทธ แก้วสิงห์ รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติให้ชะลอการพิจารณาการเสียชีวิตของอดีตผู้กำกับโจ้ เนื่องจากต้องผลการชันสูตรพลิกศพยังไม่สิ้นสุด แม้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม จะแถลงผลอย่างเป็นทางการ โดยให้น้ำหนักไปที่การฆ่าตัวตาย แต่ก็ยังรอการรายงานจากการชันสูตรพลิกศพอย่างเป็นทางการ และการชันสูตรจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ รวมถึงต้องรอผลการตรวจวัตถุพยาน และหลักฐานต่างๆ จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำมาประกอบการพิจารณา หากผลการตรวจดังกล่าวข้างต้นเป็นที่สิ้นสุดแล้ว ก็จะประชุมพิจารณาอย่างเร่งด่วนต่อไป
ส่วนกรณีการร้องเรียนว่า ถูกเจ้าหน้าที่ผู้คุมทำร้ายร่างกายกลั่นแกล้ง ในแดน 7 เรือนจำกลางคลองเปรมนั้น ที่มีเหตุสงสัยว่าเป็นการกระทำผิด ตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ หรือไม่ โดยคณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ ได้มอบหมายให้คณะทำงาน ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว 10 ปาก และรับเรื่องร้องเรียน รวมทั้งตรวจสอบข้อเท็จจริงจากว่ามารดา และน้องสาวของอดีตผู้กำกับโจ้ ซึ่งคณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ มีความเห็นว่า ควรมีการสืบสวนสอบสวนให้ครบทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อการตรวจสอบการกระทำดังกล่าวเป็นไปด้วยความรอบคอบ โปร่งใส และยุติธรรมกับทุกฝ่าย จึงได้มอบหมายให้พนักงานสอบ สน.ประชาชื่น ดำเนินการสอบสวน โดยร่วมกับพนักงานอัยการ ว่าจะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ หรือไม่ และหากผิดจะเข้าข่ายความผิดมาตราใด
ขณะที่ พ.ต.อ.สัญญา อุบลวิรัตนา ผู้กำกับ สน.ประชาชื่น ระบุว่า จากการสอบสวนมารดา น้องสาว แฟนสาว และเข้าไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุมีความเป็นไปได้ว่าน่าจะเข้าข่ายความผิด ตามพ.ร.บ.อุ้มหายฯ ซึ่งขณะนี้ พนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือไปถึงสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อขอให้ส่งพนักงานอัยงานมาเข้าร่วมกันสอบสวน โดยหลังจากนี้จะต้องทำการสอบปากคำเพื่อนนักโทษ ในแดน 7 จำนวน 3-4 คน รวมถึงเพื่อนนักโทษแดน 5 เพิ่มเติม และเรียกนาย สิทธิพร แก้วคำบ้ง เจ้าหน้าที่ผู้คุมที่ถูกกล่าวหาเข้ามาสอบปากคำเพิ่มเติม
สำหรับที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ ได้รับการข้อเขียนเสียชีวิตในเรือนจำ และสถานที่ควบคุมตัว ที่หน่วยงานรัฐมีอำนาจพบว่า ตั้งแต่ 2566 จนถึงปัจจุบัน มีข้อเรียนว่า 100 คดี ซึ่งจะต้องนำมากลั่นกรองข้อมูลว่าจะเข้าข่ายพ.ร.บ.อุ้มหายฯ หรือไม่