DSI รับคดี ‘ตู้ห่าว’ เป็นคดีพิเศษ จ่อเรียกผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เข้าให้ปากคำ
DSI รับคดี ‘ตู้ห่าว’ เป็นคดีพิเศษ จ่อเรียกผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เข้าให้ปากคำภายใน 2 สัปดาห์ เน้นสอบฟอกเงินนอมินี ด้าน ชูวิทย์ หอบกระเช้าขอบคุณ รมต. จี้ ผบช.น. ตอบคำถามทางคดี 5 ข้อ
วันนี้ (15 ธ.ค. 65) เวลา 10:00 น. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม , พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ , นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รองเลขาธิการ ป.ป.ส. และ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ร่วมแถลงข่าวเปิดเผยถึงการดำเนินคดี และการยึดทรัพย์ของนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว และเครือข่ายกลุ่มชาวจีนที่ทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ภายหลังจากที่นายชูวิทย์ได้มีวัตถุประสงค์ขอให้รับคดีตู้ห่าวเป็นคดีพิเศษนั้น ปรากฏว่าเมื่อวานนี้ (14 ธ.ค.) กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับเป็นคดีพิเศษที่ 314/2565 เพราะได้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานไว้แล้ว หลังตั้งเลขสืบสวนรอไว้ จึงได้จัดให้คดีทุนจีนสีเทาเป็นคดีพิเศษ ตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติ การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 โดยผ่านการอนุมัติจากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษโดยไม่ต้องผ่านบอร์ดคณะกรรมการกรมสอบสวนคดีพิเศษ สำหรับการยึดอายัดทรัพย์สินเดิม จำนวน 3,020 ล้านบาทนั้น ล่าสุดสามารถอายัดทรัพย์สินได้เพิ่มเติม จำนวน 189 ล้านบาท ซึ่งเป็นทรัพย์สินในกลุ่มของนางพัชรินทร์ อิทธิวัฒนา และพวกอีกสองกลุ่ม ซึ่งมีทั้งที่ดิน บ้าน อาคารชุด รถยนต์ มอเตอร์ไซค์
ส่วนสิ่งที่จะทำเพิ่มเติมในฐานะของกรมสอบสวนคดีพิเศษนั้น นายสมศักดิ์ ระบุว่า เราจะดำเนินการในส่วนของนอมินี โดยอยากให้ทุกคนมีข้อสังเกตอย่างหนึ่งคือคณะพาลีปราบยาของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ภายใต้การกำกับของกระทรวงยุติธรรม ได้ตรวจสอบพบว่ามีกลุ่มอีก 4-5 กลุ่มที่อยู่ด้านหลังเครือข่ายนายตู้ห่าว โดยถือหนังสือเดินทางของต่างประเทศ ซึ่งเป็นบุคคลที่เราคิดว่าเป็นกลุ่มทุนที่ส่งเข้ามา ซึ่งขณะนี้กำลังไล่ตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอได้เลขพาสปอร์ตชาวต่างชาติเหล่านั้นมาแล้ว และกำลังสอบสวนในเชิงลึกว่าเป็นบุคคลใดบ้างและเมื่อข้อมูลพร้อม จะมีการเปิดเผยตัวตนของกลุ่มทุนเหล่านี้ต่อไป
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า หน่วยงานที่เราร่วมบูรณาการ มีทั้งคณะพาลีปราบยา เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. โดยล่าสุดมูลค่าการยึดอายัดทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ได้มีการยึดแล้ว จำนวน 2,192 ล้านบาท แต่ในมูลค่าจำนวนนี้ก็เป็นทรัพย์สินที่ซ้ำซ้อนกับของดีเอสไอ โดยคณะพาลีปราบยาด้วย ดังนั้น เราจึงได้หักยอดที่ซ้ำซ้อนกันออกแล้ว โดยรวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 4,401 ล้านบาท ทั้งนี้ ขั้นตอนต่อไป ดีเอสไอจะเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีตู้ห่าวมาสอบปากคำภายในสองสัปดาห์ และยืนยันว่าจะเร่งสอบปากคำให้เสร็จสิ้นไม่เกิน 30 วัน จะดำเนินการให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่สุด โดยตนยังได้มอบหมายให้ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขาฯรมว.ยุติธรรม เป็นผู้ประสานทั้งหมดในส่วนของคณะพาลีปราบยา
พ.ต.ต.ยุทธนา เปิดเผยว่าการสอบสวนคดีพิเศษนี้ เป็นเพียงในข้อหาฟอกเงินทางอาญาเท่านั้น ส่วนคดีอาญา และองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่อัยการสูงสุดตั้งคณะทำงานขึ้นมาใหม่นั้น ยังอยู่ในอำนาจของอัยการและตำรวจ ส่วนจะมีการโอนสำนวนคดีมาสอบสวนเป็นคดีพิเศษหรือไม่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ยังให้ส่วนที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีไปตามปกติ ส่วนจะโอนมาหรือไม่นั้นหากมีความจำเป็นก็ต้องโอนมา
ส่วนการสอบสวนคดีพิเศษ หลังจากนี้ดีเอสไอก็จะมีอำนาจในการใช้เครื่องมือพิเศษในการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ความเกี่ยวพันกับบุคคลอื่น รวมทั้งเรียกสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีฟอกเงิน ซึ่งจะดำเนินการภายใน 2 สัปดาห์นี้
ขณะที่ นายปิยะศิริ กล่าวว่า ทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด จะเป็นในส่วนของ ป.ป.ส. ที่จะเข้าร่วมดำเนินการ และหากทรัพย์สินเหล่านั้นเป็นทรัพย์ที่มาจากการกระทำความผิดเรื่องยาเสพติดจริง เมื่อถึงขั้นตอนที่ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินเหล่านี้ตกเป็นของแผ่นดิน จากนั้นก็จะเข้ายังกองทุนปราบปรามยาเสพติดต่อไป
โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการออกคำสั่งตรวจสอบทรัพย์ โดยจะมีการยึดเพิ่มอีกจำนวน 1,223.4 ล้านบาท เนื่องด้วยทรัพย์สินมีจำนวนเยอะ และร่วมบูรณาการหลายหน่วยงาน ทำให้ทรัพย์หนึ่งรายการก็เข้าข่ายผิดกฎหมายหลายส่วน แต่ทุกหน่วยงานต้องนำตัวเลขมารวมกัน
ส่วน ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวอีกว่า เบื้องต้นได้มีการออกหมายเรียกทั้งบุคคล และกรรมการบริษัท โดยเราจะเชิญมาสอบปากคำก่อน ส่วนกรอบระยะเวลาก็ภายในสองสัปดาห์ โดยจะออกหมายเรียกให้ครบทั้งหมด และภายใน 1 เดือน จะมีการตั้งข้อกล่าวหาว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง และจะประสานไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อขอให้ร่วมตรวจสอบเส้นทางการเงินว่ามีที่มาอย่างไร แล้วมีจำนวนเงินที่ไม่มีที่มาที่ไปอย่างไร
ด้าน นายชูวิทย์ ได้เข้ามอบกระเช้าดอกไม้เพื่อให้กำลังใจ และขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่รับคดีนี้ไว้สอบสวนเป็นคดีพิเศษ พร้อมกับตั้งคำถามถึงผู้บัญชาการตำรวจนครบาล 5 ข้อได้แก่
1.ทำไมจึงดำเนินคดีแต่ข้อหาคดียาเสพติดไม่ตั้งข้อหาคดีสมคบฟอกเงิน
2.มีพยานหลักฐานคือค่าเช่า ค่าไฟ เงินค้ำประกันไฟฟ้า และสิ่งสาธารณูปโภคต่างๆ ที่นายตู้ห่าวเป็นผู้จ่ายเงิน และมีชื่อเป็นผู้เช่าสถานที่ แต่ทำไมตำรวจจึงไม่ดำเนินการตรวจสอบให้เกิดความกระจ่าง
3.การจับกุมผับจิ้นหลิงมีผู้ต้องหา และพยานในที่เกิดเหตุจำนวนมากถึง 265 คน ควรจะต้องนำมือถือมาตรวจสอบให้ครบทั้งหมด เพื่อหาความเชื่อมโยง รวมถึงดำเนินคดีกับคนเอารถของกลางออกไปโดยมิชอบ
4.การปล่อย เดวิด ฮอ กับ หลานนายตู้ห่าว ไปศาล ปล่อยตัวโดยมิชอบ ตำรวจมีเจตนาอะไร
5.มีการข่มขู่พยานปากสำคัญที่เป็นคนจีน ซึ่งถูกจับกุมที่ผับจิ้นหลิง ว่าหากไปให้ปากคำเป็นพยานจะไปฆ่าครอบครัวที่ประเทศจีน ตำรวจได้มีการตรวจสอบกรณีนี้แล้วหรือยังเผื่อป้องกันพยานกลับคำในชั้นศาล