CRIME

ชูวิทย์ เปิดโปงขบวนการ “อุ้มท้องซื้อพ่อ” พร้อมชำแหละวงการสีกากี

ระบุ เอี่ยวช่วยเหลือ ‘ตู้ห่าว’ มั่นใจ หลุดคดีแน่ ชี้ ดำเนินคดียาม ทำให้เป็นพยานแปดเปื้อน-คำให้การต่อศาลไม่น่าเชื่อถือ

วันนี้ (14 ธ.ค. 65) เมื่อเวลา 15:00 น. ที่โรงแรมเดอะเดวิส คอนเนอร์วิง สุขุมวิท 24 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แถลงข่าวเปิดข้อมูลของขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ ที่มีความเชื่อมโยงกับนาย ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว โดยเปิดเผยว่า วันนี้ขออภิปรายไม่ไว้วางใจเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะตนเองไม่สามารถพึ่งใครไม่ได้ ไม่ว่าจะนักการเมือง ผู้แทนล้วนตระบัดสัตย์ แต่ในฐานะพลเมืองของประเทศไทย จึงต้องล้มกระดานให้ได้ หากใครจะฟ้องร้องก็ให้ทำไปเลย ไม่มีอะไรจะเสีย เพราะสิ่งที่นายตู้ห่าวทำ มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งทางตรง และทางอ้อมกับความผิดทั้งใน และนอกราชอาณาจักร

นายชูวิทย์ ระบุว่า การกระทำทุกอย่างของกลุ่มทุนจีนสีเทา เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งในรูปแบบมูลนิธิเถื่อน การขนส่งยาเสพติด การปลอมแปลงวีซ่า การครอบครองรถหรู การทุจริตคอรัปชั่น การฟอกเงิน การตั้งนอมินี หรือแม้แต่การใช้เครื่องบินขนส่งยาเสพติด สิ่งเหล่านี้กระทบการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ซึ่งตำรวจไม่ดำเนินคดีในข้อหาสมคบฟอกเงิน แม้จะชี้แจงว่าดำเนินคดี 3 ข้อหาแล้วก็ตาม และเป็นความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด มีโทษหนักกว่า ทำให้ตนมั่นใจว่าตู้ห่าวจะหลุดคดีแน่นอน เพราะมีการทำลายพยานหลักฐานต่างๆ ทิ้งไปแล้ว

นายชูวิทย์ ยังตั้งข้อสังเกตุอีกว่า ในวันเกิดเหตุที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบผับจินหลิงนั้น พบชาวจีนกว่า 265 คน พร้อมยาเสพติดเป็นจำนวนมาก ซึ่งในวันนั้นมีพนักงานเสิร์ฟ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เป็นคนไทย แต่เหตุใดผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จึงไม่เรียกมาสอบปากคำ ทั้งๆ ที่พบผู้มีปัสสาวะสีม่วง และยังจับกุมผู้ดูแลสถานบริการดังกล่าว ซึ่งแท้จริงเป็นเพียง รปภ. เท่านั้น ก่อนจะปล่อยตัวภายหลัง ซึ่งจะส่งผลให้คำให้การต่อศาลไม่อาจเชื่อถือได้ เนื่องจากเป็นพยานแปดเปื้อนจากการถูกดำเนินคดี

อีกทั้ง ไม่มีการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งอาจมีหลักฐานการแชทพูดคุย หรือการชักชวนให้เข้ามาเสพยาในประเทศไทย เพราะยาเสพติดที่ประเทศจีนมีราคาแพง และมีอัตราโทษสูง หากใครต้องการเสพยาจึงจะมุ่งมาที่ประเทศไทย

“ผมถาม คุณเป็นระดับ ผบช.น. และมีทีมสืบสวน คุณดูไม่ออกหรอว่าเป็นยาม ไม่ใช่ผู้ดูแล ถ้าคุณดูไม่ออกคุณอย่าคุมเมืองหลวงเลย คุณไปเป็นยามเองเลยดีกว่า” นายชูวิทย์กล่าว

นายชูวิทย์ เปิดเผยอีกว่า รองผู้กำกับการสอบสวน สน.ยานนาวา ยังขี่จักรยานยนต์พาได้เดวิด ฮอว์ ซึ่งเป็นตัวการคนสำคัญในการนำยาเสพติดมาขาย ไปส่งศาลฝากขังก่อนเดวิด จะยื่นขอประกันตัว แต่แทนที่ รอง ผกก.นายนี้จะพาไปส่งที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เพื่อฝากขังตามขั้นตอน กลับพาไปปล่อยกลางทางทำให้เจ้าตัวขึ้นเครื่องบินหลบหนีออกนอกประเทศ พร้อมหลานของนายตู้ห่าว ขณะที่รองผู้กำกับการจราจร สน.ลาดพร้าว และลูกน้องก็ให้การช่วยเหลือครั้งนี้เช่นกัน

นายชูวิทย์ กล่าวว่า ยังมีข้อมูลจากบันทึกการจับกุมที่ปรากฎชื่อ รอง ผบก.น.6 นายหนึ่งที่อ้างว่าไม่สามารถเปิดรถยนต์ที่ตำรวจเข้าตรวจยึดจากการขยายผลจับกุมเครือข่ายผับจิ้นหลิง โดยอ้างว่าไม่มีกุญแจรถ ซึ่งภายในรถทั้งหมด 4 คัน มีทั้งยาเสพติด และเงินสดอยู่ เช่นเดียวกับเครื่องบินส่วนตัวที่ใช้ขนยาเสพติด ที่ตรวจสอบล่าช้าจนไม่เหลืออะไรบนเครื่องบิน การกระทำดังกล่าวจึงมีลักษณะเป็นขบวนการ โดยการฟอกเงินของจีนเทา ยังใช้วิธีการถือหุ้นไทย ซื้อรถหรู นาฬิกา ซื้อบ้าน และคอนโดมิเนียม ซึ่งยังสามารถนำไปขายต่อได้ และยังมอบรถฉุกเฉินสำหรับศูนย์ส่งกลับ รพ.ตำรวจ มูลค่าเกือบ 1 ล้านบาทอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีขบวนการอุ้มท้องซื้อพ่อ กรณีสามีภรรยาเป็นชาวจีน ก็จะซื้อสัญชาติจากพ่อชาวไทยที่เป็นนอมินีเพื่อฝากครรภ์ที่ รพ.เอกชน เพื่อให้เด็กเกิดมาได้สัญชาติไทย จากนั้นเมื่ออายุครบ 7 ปี เด็กก็จะทำบัตรประชาชนเพื่อที่พ่อแม่ชาวจีนจะซื้อบ้านและทรัพย์สินต่างๆ โดยอ้างเป็นการซื้อให้ลูกได้ จากนั้นเมื่ออายุ 13 ปี สามารถจัดตั้งบริษัท ถือหุ้นบริษัทได้ 51% ซื้อที่ดิน และได้กรรมสิทธิ์อื่นๆ ที่บริษัทต่างชาติทำไม่ได้ ถือเป็นการวางแผนระยะยาว ยิ่งกว่าการซื้อหุ้นไทย

นายชูวิทย์ กล่าวว่า จากนี้ตนจะร้องเรียนไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการให้ความช่วยเหลือขบวนการจีนสีเทา พร้อมจะขอเสนอตนเอง ต่อ ผบ.ตร.เพื่อเป็นพยานชี้เบาะแสในคดีนี้ทั้งหมด

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจากการที่ออกมาแฉเรื่องนี้ มีใครมาข่มขู่หรือไม่นั้น นายชูวิทย์ ได้อ่านข้อความจากโทรศัพท์มือถือให้สื่อมวลชนฟังจากการที่มีคนส่งมาบอกระบุว่า “เขาลงขันสั่งเก็บกันเรียบร้อยแล้วเดี๋ยวข่าวก็เงียบ เตรียมงบไว้ 500 ล้านในการจัดการเรื่องนี้” ก่อนจะฝากคำถามทิ้งท้ายไปยังกับกลุ่มคนที่ข่มขู่ และตั้งค่าหัวตนด้วยว่า มีปืนอยู่คนเดียวหรอ ยิงให้ถูกแล้วกัน

เรื่อง/ ภาพ: กิตติธัช วิทยาเดชขจร

Related Posts

Send this to a friend