CRIME

สัมมนาขยายฐานข้อมูล DNA เพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันปราบปราม อาชญากรรม

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จัดสัมมนาขยายฐานข้อมูล DNA เพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันปราบปราม อาชญากรรมในประเทศไทย

พล.ต.ท.ดิเรก ธนานนท์นิวาส ที่ปรึกษา (สบ๘) สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เป็นประธานเปิดการสัมมนา หัวข้อ“DNA – หัวใจของกระบวนการยุติธรรม” โดยมีผู้เข้าร่วมทั้งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และหน่วยงานอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ ด้านนโยบายฐานข้อมูลนิติเวช กฎหมาย และการพัฒนาโครงการเข้าร่วมด้วย เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงคุณค่าของ DNA ในการควบคุมอาชญากรรม ภายในงานมีการฝึกอบรมผู้ตรวจพิสูจน์เกี่ยวกับวิธีการแก้ไขคดีที่ซับซ้อน วิธีการแบ่งปันข้อมูล และการขยายฐานข้อมูล DNA เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การจัดสัมมนาครั้งนี้จัดขึ้น ณ ห้องประชุมแจ้งยอดสุข ชั้น ๓ อาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร และสวัสดิการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และได้มีการอบรมผ่านระบบออนไลน์ไปทั่วประเทศพร้อมกัน

พล.ต.ท.ดิเรกฯ กล่าวว่า “สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ มีภารกิจในการสนับสนุนงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม โดยใช้วิทยาการสมัยใหม่และหลักนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาค้นหาความจริงคลี่คลายคดีต่างๆ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะฉะนั้นฐานข้อมูล DNA ทางอาญา จึงเป็นส่วนที่สำคัญอย่างมาก”

พล.ต.ต.หญิง สุเจตนา โสตถิพันธุ์ ผู้บังคับการ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน ๑ กล่าวเพิ่มเติมว่า“ตลอดหลายปีที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีฐานข้อมูลบุคคลถึง 432,000 โปรไฟล์ พร้อมย้ำความสำเร็จในการใช้ประโยชน์จาก DNA เพื่อไขคดีอาญาจะมากขึ้นได้ ด้วยการแบ่งปันข้อมูล ระหว่างหน่วยงานที่มากขึ้นเท่านั้น”

ด้าน ผศ.นพ.วรวีร์ ไวยวุฒิ รองผู้อำนวยการ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ระบุว่า“ จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้ขยายฐานข้อมูล DNA ของผู้ต้องหาอย่างต่อเนื่องไปถึง 230,000 โปรไฟล์ คาดว่าจะครอบคลุมจำนวนผู้ต้องขังในเรือนจำทั้งหมดของประเทศภายในไม่ช้า ที่สำคัญได้ร่าง พ.ร.บ.นิติวิทยาศาสตร์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นับเป็นกฎหมายฉบับแรกของประเทศ ซึ่งจะช่วยควบคุมและจัดการฐานข้อมูลดีเอ็นเอ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

ขณะที่ มร. ทิม เชลเบิร์ก ประธานบริษัท GTH กล่าวว่า “สิ่งที่ประเทศไทยสามารถเรียนรู้ได้จากแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด และเรื่องราวความสำเร็จของการใช้ DNA จากทั่วโลก สหราชอาณาจักร (ซึ่งมีขนาดประชากรเกือบเท่ากันกับประเทศไทย) มีโปรไฟล์ 6 ล้านโปรไฟล์ในฐานข้อมูล DNA โดยมีอัตราการตรวจตรงกัน 66% ซึ่งหมายความว่าเมื่อใดก็ตาม ที่มีการนำเข้า DNA จากที่เกิดเหตุ จะสามารถระบุตัวบุคคลได้มากกว่า 6 ใน 10 ครั้ง”

ดร. บรูซ บุโดวล์ อดีตเจ้าหน้าที่ FBI ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติพันธุศาสตร์ และเป็นอาจารย์พิเศษที่ University of Helsinki ได้อธิบายว่า “ความสำคัญจากการรวมฐานข้อมูล DNA ของผู้ต้องขัง และผู้ถูกจับกุม นั่นคือจุดที่สามารถหยุดยั้ง และยับยั้งอาชญากรที่มักจะกระทำผิดซ้ำได้”

นอกจากนี้ภายในงานยังมีการมอบรางวัลจาก GTH-DNA ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่ได้ร่วมกันปิดคดีสำคัญด้วยการใช้ฐานข้อมูลดีเอ็นเอ ซึ่ง “รางวัลสำหรับยอดนักสืบสวน” มีจุดประสงค์เพื่อให้กำลังใจ และเป็นแรงจูงใจให้เจ้าหน้าที่ด้านนิติเวชและการบังคับใช้กฎหมาย มีการใช้ประโยชน์อย่างสูงสุด จากฐานข้อมูลดีเอ็นเอเพื่อต่อสู้กับอาชญากรรม

Related Posts

Send this to a friend