CRIME

พล.ต.ท.จิรภพ’ นำทีม ประชุมนัดแรก วางกรอบทำงานคดี ‘สารวัตรซัว’

พล.ต.ท.จิรภพ’ นำทีม ประชุมนัดแรก วางกรอบทำงานคดี ‘สารวัตรซัว’ เผย สั่งดำเนินการตรวจสอบในทุกมิติ หากพบความเกี่ยวพันกับใครจะดำเนินการตามกฎหมาย

วันนี้ (13 ก.พ.66) เวลา 11:40 น. ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ภายหลังร่วมประชุมกับคณะทำงาน นัดแรกเพื่อวางกรอบการทำงาน ในคดี พ.ต.ท.วสวัตติ์ หรือ สารวัตรซัว ซึ่งถูกกล่าวหาว่าพัวพันกับการพนันออนไลน์ขนาดใหญ่ ตามที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งการให้ตรวจสอบข้อมูลเส้นทางการเงิน และธุรกิจของเครือข่าย

พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยว่ากองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้รับมอบหมายจาก ผบ.ตร. ตั้งแต่เมื่อวันที่พฤหัสบดีที่ผ่านมา (9 ก.พ. 66) โดยวันนี้มีการประชุมร่วมกันในหลายกองบังคับการ เช่น กองบังคับการปราบปราม (บก.ป), กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยงกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซี่งได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้อย่างเต็มที่

ทั้งนี้ การตรวจสอบ จะตรวจสอบมุ่งเน้นไปที่ เรื่องการทำเว็บพนันออนไลน์ของสารวัตรซัว ว่าได้กระทำจริงหรือไม่ รวมถึงการตรวจสอบทรัพย์สิน บริษัทต่างๆ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะตรวจสอบข้อเท็จจริงในทุกๆ เรื่อง ในส่วนของความกังวล คงเป็นเรื่องความล่าช้า เพราะ คดีดังกล่าวถูกเปิดออกมาได้สักระยะนึงแล้ว จึงเป็นโอกาสที่จะทำให้เกิดการขยับโยกย้ายทรัพย์สิน และเส้นเงิน แต่มั่นใจว่าอาชญากรรมทุกประเภทต้องมีร่องรอย และเชื่อว่า เจ้าหน้าที่จะสามารถตรวจสอบพบได้ในระดับหนึ่ง

ขณะนี้ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อเท็จจริง และการสืบสวนในทุกมิติ อาทิ พยาน ข้อมูลเอกสาร เส้นทางการเงิน ฯลฯ เพื่อทำการตรวจสอบทั้งหมด จึงต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง หากพบว่ามีความผิดก็จะตั้งคดีขึ้นมาเพื่อดำเนินการทางคดีต่อไป

ส่วนการกล่าวหาว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นหลานอดีต ผบ.ตร. และความสัมพันธ์ กับนายพล จ. นั้น พล.ต.ท.จิรภพ ระบุว่า ในตอนนี้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดไว้แล้ว ส่วนจะมีความสัมพันธ์เกี่ยวกับใคร ตนมองว่าไม่เกี่ยว ต้องดำเนินการตามข้อเท็จจริง และว่าไปตามกฎหมาย ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล หากพบการกระทำผิด มีพยานหลักฐานเพียงพอว่าไปเกี่ยวพันกับใครก็จะดำเนินการไปตามข้อเท็จจริงที่ตรวจสอบพบ

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวอีกว่า คณะทำงานของตนจะมุ่งเน้นในเรื่องการตรวจสอบดูแลเกี่ยวกับเรื่องคดี ส่วนการตรวจสอบเรื่องความผิดทางวินัย จะเป็นคณะชุดทำงานของ จเรตำรวจ ที่แต่งตั้งจาก ผบ.ตร. ส่วนความผิดในเรื่องนี้ หากพบการกระทำผิดเรื่องวินัย ก็จะมีการส่งเรื่องไปถึง ผบ.ตร. เพราะการดำเนินการทางวินัยจะความรับผิดชอบของ ผบ.ตร. และหน่วยงานต้นสังกัด ที่จะพิจารณาดำเนินการ

อย่างไรก็ตาม กรณีการออกมาเปิดเผยข้อมูลของนายชูวิทย์ กมลวิศษฎ์ และนายสันธนะ ประยูรรัตน์ ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.จิรภพ ระบุว่า ตนเองยินดีรับข้อมูลจากทุกฝ่าย เพราะข้อมูลที่ได้มาถือว่าเป็นประโยชน์ทุกข้อมูล และจะนำข้อมูลที่ส่งมาไปตรวจสอบต่อ ส่วนข้อมูลที่นายชูวิทย์ ให้มานั้น มีเป็นจำนวนมาก และเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ที่จะนำไปดำเนินการตรวจสอบ หากปรากฏเป็นข้อเท็จจริงที่ผิดกฎหมาย ก็จะใช้ดำเนินคดีต่อไป ส่วนการจะเรียกนายชูวิทย์มาให้ปากคำหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของอนาคต

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat