รอง ผบช.ก. เผยตัวเลขผู้เสียหาย ดิไอคอน 3 วัน ทะลุ 488 คน

ยอดความเสียหายกว่า 178 ล้านบาท ชี้ ’บอสพอล‘ ตกเป็นผู้ต้องหาแล้ว หลังมีผู้ร้องทุกข์ความผิด พ.ร.ก. กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน แต่ยังไม่แจ้งข้อกล่าวหา ขอรวบรวมพยานหลักฐาน
วันนี้ (11 ต.ค. 67) ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รองผู้บัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้า ภายหลังตำรวจนำกำลังเข้าตรวจค้นบริษัท The Icon Group จำกัด และสถานที่ที่เกี่ยวข้องรวม 9 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยสามารถตรวจยึดเอกสารบัญชีของสำนักงานตั้งแต่ปี 2563 – 2565 เครื่องคอมพิวเตอร์และฮาร์ดไดร์ฟเก็บข้อมูลต่างๆ มาตรวจสอบ
พล.ต.ต.โสภณ เปิดเผยว่า จากการเข้าตรวจค้นในวันนี้ ได้สอบปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทไว้แล้วบางส่วน รวมทั้งพยานหลักฐานที่เป็นเอกสารเกี่ยวกับเรื่องงบดุลของบริษัท และยังพบผลิตภัณฑ์ของบริษัทบางส่วนในโกดัง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะนำมาตรวจสอบหาความเชื่อมโยงว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายใดหรือไม่ และกลุ่มแม่ทีมต่างๆ ส่วนใหญ่ผู้เสียหายรู้จักเพียงชื่อเล่น ทำให้ตำรวจต้องพิสูจน์ทราบตัวบุคคลก่อนที่จะพิจารณาดำเนินคดี
ส่วนในวันนี้ที่มี นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล CEO บริษัท และกลุ่มเพื่อนดาราที่เข้าพบพนักงานสอบสวนในวันนี้ ก่อนที่ตำรวจจะมีการออกหมายจับนั้น พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า ก็เป็นสิทธิ์ เนื่องจากขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอออกหมายจับ แต่อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนก็จะมีการแจ้งพฤติการณ์ที่ถูกกล่าวหากับนายวรัตน์พล เนื่องจากมีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ไว้ในข้อหาความผิดตาม พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
ดังนั้น จึงถือว่า นายวรัตน์พล ตกเป็นผู้ต้องหาแล้ว แต่พนักงานสอบสวนยังต้องขอเวลารวบรวมพยานหลักฐาน จึงจะแจ้งข้อกล่าวหาภายหลัง ส่วนจะขออนุมัติศาลออกหมายจับอยู่หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานสอบสวนที่จะพิจารณาตามเหตุจำเป็น ฉะนั้นในวันนี้ตำรวจจึงยังไม่มีอำนาจควบคุมตัว นายวรัตน์พล ซึ่งหลังสอบปากคำเสร็จ ตำรวจจะปล่อยตัวไป เช่นเดียวกับกลุ่มบอสดาราคนอื่นๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า สังคมกังวลว่าหากปล่อยตัวแล้วอาจเป็นช่องว่างให้กลุ่มบอสชิงหลบหนีออกนอกประเทศนั้น พล.ต.ต.โสภณ ยืนยันว่า ตำรวจมีมาตรการในการป้องกันด้วยการประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ให้เฝ้าระวังกลุ่มนี้แล้ว
เมื่อถามว่าคดีนี้จะเข้าอำนาจเป็นคดีพิเศษของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) หรือไม่นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือ แต่ที่ผ่านมาดีเอสไอก็มีการประสานข้อมูลร่วมสืบสวนมาโดยตลอด แต่ไม่ว่าจะมีการโอนสำนวนให้ดีเอสไอดำเนินการต่อหรือไม่นั้น ตำรวจก็จะร่วมสืบสวนสอบสวนด้วย เพื่อให้ข้อมูลเกิดความรัดกุมในทุกมิติ
ส่วนที่สังคมยังได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับเลขบัตรประชาชนของนายวรัตน์พล ที่ขึ้นต้นด้วยเลข 5 ซึ่งอาจเป็นบุคคลที่เคยถือ 2 สัญชาติหรือไม่นั้น หรืออาจเป็นกลุ่มทุนต่างชาติสีเทาที่เข้ามาหาประโยชน์ในการทำธุรกิจกับประชาชนคนไทยหรือไม่ พล.ต.อ.โสภณ ระบุว่า ต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.โสภณ ระบุว่า สำหรับยอดผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความวันนี้ มี 235 คน ทำให้ยอดรวมผู้เสียหายตอนนี้มีทั้งสิ้น 488 คน โดยยอดรวมความเสียหาย 178 ล้านบาท พร้อมประชาสัมพันธ์ผู้เสียหายที่อยู่ต่างจังหวัด สามารถแจ้งความที่สถานีตำรวจท้องที่ได้ โดยไม่ต้องมาแจ้งความที่ บก.ปคบ. ซึ่งตำรวจท้องที่จะส่งสำนวนมารวมที่ บก.ปคบ. ทั้งหมด