สอบสวนกลาง – ศุลกากร ตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ – เว็บพนัน พื้นที่เชียงแสน
สอบสวนกลาง ผนึกกำลัง ศุลกากร ตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ – เว็บพนันออนไลน์ พร้อมยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก ในพื้นที่เชียงแสน ก่อนเตรียมส่งต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อใช้ขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ
วันนี้ (12 เม.ย. 67) เวลา 10:00 น. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง ร่วมกับกรมศุลกากร แถลงข่าวตัดวงจรแก๊งคอฃเซ็นเตอร์ พร้อมยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กว่า 6,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท ซุกซ่อนบริเวณริมแม่น้ำโขงก่อนเตรียมส่งไปในคาสิโนในประเทศเพื่อนบ้าน
พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยว่า กรณีนี้เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างตำรวจสอบสวนกลางกับกรมศุลกากร และหน่วยงานต่างๆ ในการตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งกรมศุลกากร ได้ตรวจสอบบริเวณ อ.เชียงแสน ใน จ.เชียงราย ที่จะข้ามเชื่อมไปยังประเทศลาว ที่เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ของประเทศลาว เช่นการเปิดคาสิโน แต่ก็มีการลักลอบทำธุรกิจผิดกฎหมายอย่างแก๊งคอลเซนเตอร์ และเว็บพนันออนไลน์ โดยจากตรวจของศุลกากรก็พบของกลางจำนวน 4 ชุดใหญ่ ซึ่งพบว่ามีซิมการ์ดที่ส่งมาจากประเทศในยุโรปจำนวน 4,998 ซิม มาที่พื้นที่เชียงราย ก่อนจะเตรียมส่งต่อไปที่คิงโรมัน คาสิโน และเชื่อว่า ซิมดังกล่าวจะถูกใช้ในธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ และกลุ่มเป้าหมายไม่ใช่ประเทศไทย แต่เป็นการใช้เพื่อหลอกคนในประเทศยุโรป
นอกจากนี้ ยังตรวยพบ เครื่องคอมพิวเตอร์ 98 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 300 เครื่อง ซึ่งเชื่อว่าเป็นองค์กรคอลเซ็นเตอร์ที่เคยใช้หลอกคนไทย ที่คาดว่าได้อพยพไปอยู่ที่ใหม่ในคิงโรมัน คาสิโน เนื่องจากพบว่า มีรูปแบบของการหลอก และหลักฐานแชตที่ใช้ในการพูดคุย หรือจูงใจในการหลอกของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงเครื่องรับส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ตสตาร์ลิงค์ ทั้งหมด 10 เครื่อง ที่ทำให้สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านสัญญาณดาวเทียมได้ ที่ทำให้สามารถโทรไปยังยุโรปได้ และมีฐานพื้นที่อยู่ที่คิงโรมัน และบัญชีม้า พร้อมโทรศัพท์มือถือ
ด้าน นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี กรมศุลกากร ระบุว่าตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่ให้หน่วยงานต่างๆ บำคับใช้กฎหมาย และดำเนินการ โดยในครั้งนี้ เราได้ร่วมกันในการเฝ้าระวังอุปกรณ์ที่นำมาใช้ในคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งความระมัดระวังกับพัสดุที่ส่งตามไปรษณีย์ ตามตะเข็บชายแดน ที่เชื่อว่าจะนำเข้าไปใช้ในการประกอบกิจการคอลเซ็นเตอร์ โดยเราได้ประสานกับตำรวจให้ช่วยกันตรวจสอบว่ามีอุปกรณ์ใดหรือบุคคลใดเข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งได้ประสานกับกองบัญชาการตำรวจสวนกลาง ให้เข้ามาตรวจสอบ ลงพื้นที่สอบสวนผู้ที่มีชื่อรับพัสดุ ที่ส่งมาก่อนส่งไปประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงมีการเฝ้าระวังเรื่องสารเสพติด และอุปกรณ์ต่างๆ ที่จะนำไปใช้ในขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ
ทั้งนี้ จากการขยายผลพบว่ามีอุปกรณ์ในการกระทำความผิดจำนวน 4 กลุ่ม โดยกลุ่มแรก คือ ซิมการ์ด ที่ถูกส่งมาจากประเทศอังกฤษ และส่งมาให้คนไทยคนนึง ที่อยู่ใน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย และคนไทยดังกล่าวจะนำสิ่งของเหล่านี้ส่งต่อไปให้ชาวจีนที่พักอาศัยอาศัยอยู่ที่คิงโรมัน ในประเทศลาว ขณะที่ของชุดที่ 2 เป็นอุปกรณ์รับสัญญาณอินเตอร์เน็ตดาวเทียมในการส่งมาทางอากาศ มาลงที่ อ.เชียงแสน เพื่อเตรียมส่งต่อให้ชาวจีน และชาวไทยที่ทำงานอยู่ในคิงโรมัน
ส่วนชุดที่ 3 เป็นคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ โดยอุปกรณ์ส่วนใหญ่เป็นภาษาจีน ซึ่งพบว่าอุปกรณ์เหล่านี้เคยถูกใช้ในขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ในพื้นที่ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา และพบข้อมูลผู้เสียหาย ที่เป็นชาวยุโรป ชาวจีน และญี่ปุ่น โดยยังพบข้อมูลในการบทสนทนาต่างๆ ที่พูดคุยกับกลุ่มเหยื่อ และยังพบหลักฐานที่น่าสนใจคือ อุปกรณ์ในการใช้จ้างงาน ที่เป็นชาวจีน เมียนมา ลาว และชาวไทย ซึ่งเราจะมีการขยายผลหลังจากนี้ และชุดที่ 4 บัญชีม้า เชื่อว่าจะถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับพนันออนไลน์ โดยเราจะมีการสืบสวนต่อไป
ทั้งนี้ พล.ต.ท.จิรภพ ย้ำว่า เราได้มีการประสานพูดคุยกับประเทศข้างต้นแล้ว ซึ่งเรามีการทำงานร่วมกันอยู่ตลอด และที่ผ่านมาก็มีความคืบหน้าอยู่มาก หากได้ความคืบหรือผลเป็นอย่างไรก็ต้องติดตามกันต่อไป โดยเชื่อว่า ในอนาคตหากดีขึ้นมาก ตนก็เชื่อว่าจะสามารถปราบขบวนการเหล่านี้ได้