CRIME

ตำรวจไซเบอร์ เข้าตรวจค้นห้องพัก “9Near” พบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นจำนวนมาก

เชื่อ ผู้ต้องหามีความเชี่ยวชาญ ไม่ใช่มือสมัครเล่น ก่อนนำตัวไปฝากขังที่ศาลทหาร พร้อมคัดค้านการประกันตัว

วันนี้ (12 เม.ย. 66) เวลา 14:00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) เปิดเผยภายหลังตำรวจนำกำลังเข้าตรวจค้นภายในห้องพักจ่าสิบโท เขมรัตน์ บุญช่วย ทหารสังกัดกรมการขนส่งทหารบก แฮกเกอร์ 9 Near โดยระบุว่า เจออุปกรณ์อิเล็คโทรนิคหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ ทั้งฮาร์ดดิส 7-8ตัว อุปกรณ์รีโมทควบคุมทางไกล โน๊ตบุ๊ก คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ อุปกรณ์สำหรับซ่อมคอมพิวเตอร์ เลาร์เตอร์ พอกเก็ต Wi-Fi 3 ค่ายโทรศัพท์ ซึ่งเชื่อว่าผู้ต้องหามีความเชี่ยวชาญ และมีความรู้ความสามารถไม่ใช่เพียงมือสมัครเล่น

อีกทั้งการตรวจค้นในครั้งนี้ ยังพบพยานหลักฐานเชื่อมโยงกับคำให้การของผู้ต้องหา ว่าเป็นคนซื้ออุปกรณ์มา ทางตำรวจจึงมองว่า กลุ่มคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีก็จะหาช่องทางที่จะแสดงตัวตน และความสามารถของตัวเอง จึงก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ส่วนการที่ไปซื้อข้อมูลในดาร์กเว็บ ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผล เนื่องจากเป็นเครือข่ายเว็บไซต์ที่ซื้อมาเป็นของต่างประเทศ

สำหรับราคาจ่าสิบโทเขมรัตน์ อ้างว่า ซื้อข้อมูลส่วนบุคคลมาในราคา 8,000บาทนั้น เป็นเพียงคำให้การเบื้องต้น ตำรวจมีสิทธิ์ที่จะเชื่อหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน

ทั้งนี้ ในเรื่องของการนำข้อมูลไปขายต่อหรือไม่นั้น ตามคำให้การของผู้ต้องหา ยืนยันว่า จากการสอบปากคำมี 3 เจตนา ในการโพสต์ข้อมูลส่วนบุคคลนี้ คือเพื่อต้องการประกาศขาย เนื่องจากต้องการเงิน ต้องการโพสต์ให้คนสนใจ ใช้ข้อมูลของบุคคลมีชื่อเสียง ในลักษณะการข่มขู่ และสุดท้ายเมื่อรู้ว่ามีการติดตามจับกุม ก็มีการเบี่ยงเบนประเด็นไปเรื่องการเมือง

เบื้องต้น ในการหลบหนีของผู้ต้องหาคงคิดว่า ตำรวจไม่สามารถจับกุมตัวได้ จึงหลบหนีโดยขับรถไปจังหวัดเชียงราย ระหว่างหลบหนีไม่ใช้โทรศัพท์มือถือ และทิ้งเครื่องมือสื่อสารทุกอย่าง แต่มีการทิ้งเบาะแสไว้ คือการแวะไปหาเพื่อนตามสถานที่ต่างๆ ก่อนมุ่งไปที่จังหวัดเชียงรายเพียงคนเดียว

ส่วนเส้นทางการเงินของผู้ต้องหา จากการตรวจสอบพบว่าไม่มีการเชื่อมโยงไปยังภรรยา เพราะพบว่าในบัญชีภรรยามีจำนวนเงินเพียงหลักร้อยเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.วรวัฒน์ ระบุอีกว่า จากการสืบสวนตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา ตำรวจได้ตรวจสอบอุปกรณ์ที่ใช้ พบ IP อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตรงกับที่พักของจ่าสิบโท และเมื่อตรวจพยานแวดล้อม และสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ก็นำไปสู่การรวบรวมหลักฐานจนสามารถจับผู้ต้องหาได้ในวันนี้

ส่วนข้อสงสัยที่ว่าจะมีบุคคลอื่นหรือมีผู้บังคับบัญชาเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น ผบช.สอท. มองว่า ไม่น่ามีความเกี่ยวข้อง เนื่องจากการตรวจสอบที่พักพบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง หากมีคนสั่งการหรือมีหน่วยงานที่ควบคุมดูแล ก็ควรจะมีสถานที่ ที่เป็นความลับในการก่อเหตุมากกว่านี้

จากนั้นในเวลา 16:13 น. มีรายงานว่าพนักงานสอบสวนนำตัว จ่าสิบโท เขมรัตน์ ขึ้นรถยนต์ เพื่อไปฝากขังต่อศาลทหาร พร้อมคัดค้านการประตัว

Related Posts

Send this to a friend