รอง ผบช.ก. เตรียมเรียก แม่ นักการเมือง ส. ให้ปากคำหลังพบเส้นเงินโยง ‘บอสพอล‘ รับโอน 6 แสนบาท
วันนี้ (11 พ.ย. 67) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึง ความคืบหน้าคดีดิไอคอนกรุ๊ป ว่า วันนี้มีประชุมทั้งหมด 4 เรื่อง คือ เรื่องของนางสาวกฤษอนงค์ เจ้าของเพจกฤษอนงค์ต้านโกง เรื่องนักการเมือง ส. เรื่องนายเอกภพ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด และเรื่องของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม
เรื่องของ น.ส.กฤษอนงค์ เนื้อหา และพยานหลักฐานได้ตรวจสอบเยอะแล้ว และจะสอบพยานเพิ่มอีก 2 ปาก เกี่ยวกับตัวธนาคาร และทนาย คาดจะชัดเจนภายในอาทิตย์นี้
ส่วนเรื่องของ นักการเมือง ส. ตอนนี้พบเส้นทางการเงิน และกำลังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการไล่เรียงไทม์ไลน์การรับตำแหน่งต่างๆ และการออกจากตำแหน่ง เพื่อเปรียบเทียบไทม์ไลน์กับคลิปเสียงที่หลุดออกมา และเรื่องใดเข้าข่ายความผิดของ ป.ป.ช.หรือไม่ ส่วนเส้นทางการเงินของแม่นาย ส. ปรากฏว่า มีเส้นเงินที่โอนจาก นายวรันตน์พล วรัทน์วรกุล หรือ บอสพอล จำนวน 6 แสนบาท และกำลังตรวจสอบว่ามียอดเพิ่มเติม หรือไม่ ซึ่งจะนำยอดเงินตรงนี้มาเปรียบเทียบ กับตอนเป็นคณะกรรมการต่างๆ ว่าเชื่อมโยงกันหรือไม่ และจะตรวจสอบย้อนหลังไปอีกว่ามียอดอื่นอีกหรือไม่ โดยหลังจากนี้จะเรียกตัวแม่ของนาย ส.มาให้ปากคำเพิ่มเติมภายในอาทิตย์นี้
ส่วนความคืบหน้าเรื่องของ นายเอกภพ สายไหมต้องรอด พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า สอบพยานไว้เยอะแล้ว และได้สรุปในรูปของคณะกรรมการว่า น่าจะเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยพยานที่นำข้อมูลมาให้นั้น ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่สอบสวนได้ตรวจสอบอย่างชัดเจน และในวันพุธนี้จะประชุมอีกครั้ง
ส่วนเรื่องการรับเงินของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ที่น้องสาวของนายษิทรา นำหลักฐานเกี่ยวกับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนกับบริษัทดิไอคอน ประมาณ 60 คน เป็นข้อมูลตั้งแต่ 1-14 ตุลาคม เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่า ทั้งหมดมีความเสียหาย และติดต่อกับบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม จริงหรือไม่ หากติดต่อจริง มีความเสียหายจริงก็ต้องให้ความเป็นธรรม ซึ่งมูลค่าความเสียหายประมาณ 10 ล้าน แต่นายษิทราเคยเรียก 7 ล้าน ต้องดูไทม์ไลน์ว่าเรียกเกินไปหรือไม่ เพราะผู้เสียหายบางคนยอดความเสียหายไม่เท่ากัน ต้องตรวจสอบเป็นคนๆ ไป
หลังจากนี้ จะออกหมายจับเทวดาดิไอคอน หรือไม่นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เผยว่า จะเริ่มดำเนินการจับในอาทิตย์ถัดๆ ไป
